นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย และสํานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ติดตาม ตรวจสอบ การกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยตรวจพบว่า มีการเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนที่เกี่ยวข้องกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต หรือ โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ระยะที่ 3 รวมทั้งยังตรวจพบบัญชีแพลตฟอร์ม “ทางรัฐ” ปลอม ร่วมด้วย โดยได้เร่งปิดกั้นต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 67-12 มี.ค. 68 ได้ทำการปิดกั้นแพลตฟอร์มปลอมแล้ว จำนวน 341 บัญชี เป็นบัญชีเฟซบุ๊ก จำนวน 308 บัญชี และบัญชีติ๊กต็อก จำนวน 33 บัญชี แบ่งเป็นการดำเนินการของ ดีอี จำนวน 219 บัญชี และ สกมช. จำนวน 122 บัญชี
นอกจากนี้ ศูนย์ข่าวปลอมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-12 มี.ค. 68 พบข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” จำนวน 59 เรื่อง แบ่งเป็นข่าวปลอม 13 เรื่อง ข่าวบิดเบือน 6 เรื่อง และตรวจพบบัญชี แอปพลิเคชันปลอม “ทางรัฐ” จำนวน 5 บัญชี ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งปิดกั้นแล้ว
“ภายหลังจากที่รัฐบาล เตรียมดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ในระยะที่ 3 ในระหว่างนี้ มิจฉาชีพ ได้ใช้วิธีการหลอกลวงประชาชน ส่งข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงฯ จะตรวจสอบข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำอย่างถึงที่สุด เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง และขอให้ประชาชนติดตามรับข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับแอปทางรัฐได้จากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือดีจีเอ ได้ โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของ ดีจีเอ” นายประเสริฐ กล่าว