เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 มี.ค. 68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณริมถนนภายในซอยวัดลาดปลาดุก ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบกองขยะขนาดใหญ่มีทั้งเศษวัสดุก่อสร้าง ต้นไม้ เศษอาหาร และขยะอื่นๆ กองเป็นทางยาวส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ และยังพบป้ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่จำนวน 3 ป้าย แต่ละป้ายเขียนข้อความสาปแช่งผู้ที่มาทิ้งขยะในบริเวณดังกล่าว เช่น “คนที่มาทิ้งขยะบริเวณนี้ขอให้เป็นมะเร็ง”, “คนที่มาทิ้งขยะบริเวณนี้ขอให้บ้านไฟไหม้” และ “คนที่มาทิ้งขยะบริเวณนี้ขอให้รถคว่ำตาย”

จากการสอบถามผู้ที่สัญจรไปมาและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง พบว่าที่ดังกล่าวมีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่แอบลักลอบนำขยะมาทิ้งในเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่เทศบาลเคยมาเคลียร์ไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ยังมาทิ้งกันอยู่

นายทวี ศรีจันทร์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง และประกอบอาชีพเก็บของเก่า เล่าว่า พื้นที่ตรงนี้เคยมีชาวบ้านแอบเอาขยะมาทิ้งตั้งแต่ปี 2563 แล้ว ทางนายกและเจ้าหน้าที่เทศบาลเคยลงพื้นที่จัดการเก็บและทำความสะอาดไปแล้วครั้งหนึ่ง และได้นำแผงเหล็กมากั้นเพื่อไม่ให้คนเอาขยะมาทิ้งแต่ก็ไม่ได้ผล ทั้งติดป้ายเตือนห้ามนำขยะมาทิ้งจนป้ายเก่าพังไปแล้ว ก็ยังมีคนแอบเอาขยะมาทิ้งอีก

นายทวี เล่าอีกว่า แรกๆ ก็เอาไปทิ้งตรงจุดที่เลยแผงเหล็กกั้นไปหน่อย แต่พอนานวันเข้ากองขยะมันก็สะสมจนกลายเป็นเหมือนจุดทิ้งขยะไปแล้ว ตนทำอาชีพเก็บของเก่าและก็มาเก็บพวกขวดพลาสติกตรงนี้ประจำ มีขยะเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนตัวก็มองว่าไม่ควรทิ้งแบบนี้ ล่าสุดมีคนเอาป้ายสาปแช่งมาติดเพื่อเตือนคนที่แอบเอาขยะมาทิ้ง แต่ก็ไม่รู้ได้ผลไหมเพราะขยะก็ยังเยอะอยู่ ตนต้องขี่รถจยย.ผ่านตรงนี้ทุกวันก็ได้กลิ่นเหม็นตลอด จากตอนแรกขยะกองเล็กๆ จนตอนนี้กลายเป็นขยะกองใหญ่ไปแล้ว ก็อยากบอกคนที่เอาขยะมาทิ้งให้เลิกมักง่าย เขามีจุดทิ้งขยะให้อยู่แล้วหรือเท่าที่ตนทราบมามีจุดบริการให้ทิ้งขยะเพียงแต่อาจจะต้องเสียเงินเป็นค่าบริการและอยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่เทศบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูแลจัดการเก็บขยะตรงนี้ให้หน่อยและอยากให้มีบทลงโทษผู้ที่นำขยะมาทิ้งอย่างจริงจังซะที

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลเมืองบางคูรัด เพื่อสอบถามข้อมูลกับ ดร.พิมพ์พัชชา หยิมการุณ นายกเทศบาลเมืองบางคูรัด แต่ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ เนื่องจากมีอาการไม่สบายในช่วงนี้ เพียงให้ข้อมูลว่าพื้นที่ตรงที่คนนำขยะมาทิ้งนั้น บางส่วนขึ้นอยู่กับกรมทางหลวงชนบท และพื้นที่ด้านในก็เป็นของเอกชน ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่การดูแลของเทศบาลเมืองบางคูรัด ก่อนหน้านี้ทางเทศบาลบางคูรัด ได้ส่งเจ้าหน้าที่เทศบาลไปจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทำป้ายห้ามทิ้งขยะไปติดก็แล้ว แต่ก็ไม่สามารถหยุดคนเอาขยะมาทิ้งได้ ที่สำคัญพื้นที่ตรงนั้นก็เป็นของเอกชน ทางเทศบาลจึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก ที่ผ่านมาจึงทำได้แค่ส่งเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าไปเก็บขยะเท่านั้น.