ถ้าถามถึงผลไม้ยอดฮิตถูกปากคนไทยและคนต่างชาติ หลายๆคนคงนึกถึงมะม่วงของไทยอย่างแน่นอน เป็นผลไม้ที่มีรสชาติทั้งเปรี้ยว ทั้งหวาน มีคุณค่าทางโภชนาการ แถมยังรับประทานกันได้หลากหลายเมนู อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำมะม่วง มะม่วงน้ำปลาหวาน มะม่วงกวน แต่ควรบริโภคในปริมาณเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีระยะยาว
มีเกร็ดความรู้ดีๆจาก “มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” มาบอกเล่าเกี่ยวกับผลไม้ชนิดนี้ ที่มีประโยชน์ และข้อควรระวังในการรับประทาน ว่า มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีรสชาติดี ถูกปากคนไทย ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบมะม่วงสุก 100 กรัม ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ และใยอาหาร 1.1 กรัม ขณะที่มะม่วงดิบ 100 กรัม ให้พลังงานโดยเฉลี่ย 60-80 กิโลแคลอรี่ และมีใยอาหาร 1.5 กรัม
คุณค่าทางโภชนาการของมะม่วง ทั้งพลังงานต่ำ มีใยอาหารเพคติน วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ซึ่งจะทำงานร่วมงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของมะม่วง
-ช่วยให้ร่างกายมีระบบย่อยอาหาร
-ช่วยระบบการขับถ่ายที่ดี
-ลดหรือชะลอโอกาสเกิดโรคต่างๆ เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หัวใจขาดเลือด มะเร็งลำไส้

รับประทานมะม่วงอย่างปลอดภัย
ผู้ที่กังวลหรือมีปัญหาสุขภาพที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาทิ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ต้องพิจารณาถึงปริมาณน้ำตาลในมะม่วงด้วย
-ควรเลือกมะม่วงดิบที่มีน้ำตาลน้อยกว่ามะม่วงสุก และพยายามลดการจิ้มพริกเกลือหรือน้ำปลาหวาน
-หากต้องการรับประทานมะม่วงสุก ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม คือ ½ ลูกกลาง หรือ 1 ลูกเล็กต่อครั้ง
-ไม่ควรรับประทานคู่กับข้าวเหนียวมูน กะทิ ไอศกรีม หรือของหวานชนิดอื่นๆ
-ไม่ควรเลือกมะม่วงที่อยู่ในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูป เพราะจะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่ามะม่วงที่ยังไม่ผ่านการแปรรูป อาทิ พุดดิ้งมะม่วง มะม่วงกวน มะม่วงอบแห้ง น้ำมะม่วง เนื่องจากจะได้รับน้ำตาลแฝงระหว่างกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเกินความต้องการโดยไม่รู้ตัว.