นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีมติเห็นชอบให้ สำนักงาน กสทช. นำร่างประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่กิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz และ 26 GHz กลับไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอีกครั้ง โดย สำนักงาน กสทช. ต้องจัดทำหลายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ การแบ่งกลุ่มคลื่นประมูล ราคาเริ่มต้นการประมูล งวดการชำระเงิน ผลประโยชน์สาธารณะและการคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากความเห็นบอร์ดมีข้อขัดแย้งที่ยังไม่ลงตัว และกลับมาเสนอที่ประชุม กสทช. ภายใน 7 วัน
“การประมูลคลื่นมือถือครั้งนี้ มีหลายประเด็นที่ละเอียดอ่อนและยังไม่ชัดเจน หากสามารถสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะครั้งใหม่ และส่งกลับเข้าที่ประชุม กสทช. ได้ภายในเดือน เม.ย. การประมูลอาจเป็นไปตามกรอบการประมูลเดิมที่วางไว้วันที่ 17-18 พ.ค. 68 หรือช้าสุดไม่เกิน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นแต่หากยังมีการเปลี่ยนแปลงอีก ก็จะต้องเลื่อนออกไปอีกอย่างไม่มีกำหนด”
ด้าน พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. กล่าวให้ความเห็นในที่ประชุม บอร์ด กสทช. ว่า ประเด็นที่จำเป็นต้องให้สำนักงาน กสทช. กลับไปทำรายละเอียดและจัดทำประชาพิจารณ์ใหม่อีกครั้ง ภายใน 7 วัน ประกอบด้วย 1.การจัดกลุ่มการประมูล คลื่นความถี่ทั้ง 6 ย่าน ออกเป็น 3 กลุ่ม ประมูลทีละรอบ หรือประมูลออกเป็น 4 กลุ่ม และให้เปิดประมูลพร้อมกัน หรือจะประมูล 1 ต่อ 1 จบในทีละรอบ การชดเชยการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงกำหนดการจ่ายราคาค่าใบอนุญาต หากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาจะได้รับสิทธิในการผ่อนจ่ายใบอนุญาต 10 ปี อัตราปีละ 10% เพื่อช่วยดึงดูดให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น และจูงใจให้มีรายใหม่เข้ามา
นอกจากนี้ จะมีการนำเอาคลื่นความถี่ย่าน 3500 เมกกะเฮิรตซ์ เข้ามารวมในการประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ โดยมองว่าในปี 2572 คลื่นความถี่ในย่านดังกล่าวที่ถูกใช้ในกิจการโทรทัศน์จะสิ้นสุดใบอนุญาต ซึ่งที่ผ่านมา บอร์ด กสทช. ได้กำหนดไว้แล้วว่าในย่านความถี่ 3500 เมกกะเฮิรตซ์ จะเป็นย่านความถี่ที่ใช้สำหรับกิจการโทรคมนาคม ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็น จะมีการเปิดรับฟังจากผู้ประกอบการทั้งในส่วนของภาคเอกชนโทรคมนาคม และสมาคมทีวีดิจิตอล และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับย่านความถี่ดังกล่าวด้วย ซึ่งหากจะมีการนำมาประมูล จะมีการประมูลจำนวน 100 เมกะเฮิรซ์ และสุดท้ายให้ไปกำหนดราคาขั้นต่ำใหม่ โดยต้องมีราคาไม่ต่ำกว่าราคาประมูลในครั้งที่ผ่านมา.
