จากกรณีข่าวผู้ปกครอง คณะศิษย์เก่า รวมตัวประท้วงขับไล่ ครูหนุ่มสอนวิชาพละ วิทยาลัยดังเพชรบุรี พฤติกรรมไม่เหมาะสม กลั่นแกล้ง กล่าวหานักเรียน ไม่มีใครอยากมาเรียน จนภาคเรียนล่าสุด มีสมัครแค่ 5 คน อีกทั้งยังกล่าวหานักเรียนในเรื่องยาเสพติด ใช้วาจาพูดกดดันจนนักเรียนเกิดการกลัวเรียนไม่จบย้ายไปเรียนที่อื่น มีพฤดิกรรมชอบร้องเรียน จับผิด ขัดขวางการทำงานครู บุคลากรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสถานศึกษาอย่างร้ายแรง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 68 ต่อมาครูพละได้นำหลักฐานคลิปต่างๆ ไปชี้แจงผ่านสื่อทีวีแห่งหนึ่ง ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งนักศึกษา โดยมีคลิปหลักฐานครูปกครองมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อหน้านักศึกษา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้ปกครอง-คณะศิษย์เก่า รวมตัวขับไล่ ‘ครูพละหนุ่ม’ พฤติกรรมไม่เหมาะสม
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 68 นายเอ (นามสมมุติ) ครูพละคนดังกล่าว ได้มาพบกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ จ.เพชรบุรี เพื่อขอความเป็นธรรม พร้อมนำหลักฐาน และคลิปต่างๆ มาให้ช่วยตรวจสอบอีกด้วย
โดยนายเอ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นคลิปตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา 2567 ครูที่สูบพ่นควันดังกล่าว คือ ครูหัวหน้างานปกครอง และครูที่โพสต์สตอรี่ดังกล่าว คือ ครูที่ปรึกษาของนักศึกษาทั้ง 4 คน และเรื่องดังกล่าว ในฐานะที่ครูทุกคน คือ ครูปกครอง ตนจึงได้ดำเนินการในฐานะครูคนหนึ่ง ที่ไม่อาจนำความดังกล่าวแจ้งโดยตรงไปยังครูหัวหน้างานปกครองที่สูบพ่นควันต่อหน้านักศึกษาได้ จึงเสนอบันทึกข้อความถึงผู้อำนวยการวิทยาลัย ณ ขณะนั้น เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ดำเนินการตรวจข้อเท็จจริง และเพื่อพิทักษ์รักษาสิทธิ์ของนักศึกษาที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม ในการที่ครูหัวหน้างานปกครองสูบพ่นควันต่อหน้านักศึกษาดังกล่าว เพราะครูย่อมต้องมีวุฒิภาวะมากกว่า ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ มิใช่การสูบพ่นควันต่อหน้านักศึกษาและมีการโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์แบบสาธารณะ และยังสามารถปฏิบัติราชการได้ปกติจนถึงปัจจุบัน
ส่วนในกระบวนจัดการเรียนการสอนแบบ hybrid ทั้งห้องสอนสด และ ห้องถ่ายทอดสัญญาณสด เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายที่ 5 เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) และใช้เครือข่าย wifiของสถานศึกษาที่มีความเสถียรเสมอภาคกัน ซึ่งนักศึกษาทุกคน เรียนได้สำเร็จ และมีผลการเรียนในรายวิชาดังกล่าว ตามมาตรฐานการวัดผลและประเมินผล ซึ่งสะท้อนผลลัพธ์การเรียนรู้ของแต่ละบุคคล ซึ่งหากเป็นประเด็นในการไม่พึงพอใจดังกล่าว ทางผู้ปกครองและผู้บังคับบัญชาของผู้ปกครองซึ่งเป็นกรรมการสถานศึกษาโดยตำแหน่ง ได้เข้าพบผู้อำนวยการที่ห้องพักผู้อำนวยการ อาคารอำนวยการสีเหลือง โดยทันทีหลังทราบเรื่อง เพื่อสอบถามในข้อเท็จจริงของการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวแล้ว หากมีข้อสงสัยใดๆ ในเวลานั้น เหตุใดถึงนำความดังกล่าวมาเป็นเหตุในการจัดตั้งประท้วงขับไล่ครูคนดังกล่าว หลังผ่านพ้นระยะเวลามากว่า 8 เดือนแล้ว
และในภาคเรียนที่ 2/2567 นักศึกษาในกลุ่มดังกล่าว ก็ได้เข้ามาสอบถามที่เกี่ยวเนื่องกับวิชาเรียน หรือได้รับการช่วยเหลือบอกกล่าวจากครูคนดังกล่าวอยู่ประปราย โดยที่ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัว หรือ ไม่กล้าเจอหน้าครูคนดังกล่าวแต่อย่างใด แม้ไม่มีคาบสอบในเทอม 2/67 ก็ตาม ต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะครูและในฐานะศิษย์โดยปกติ
นอกจากนี้ในประเด็นทีมีการกล่าวหา ว่า ตนยืนเอามือไขว้หลังมีลักษณะเหมือนทำมือสามนิ้ว ในขณะทำพิธี นั้น ความจริงคือตนยืนเกาหลัง เนื่องด้วยน้ำที่ใช้อาบในสถานศึกษาไม่มีระบบกรองและไม่มีระบบประปาและนิ้วก็ไม่ได้เป็นสามนิ้วหรือสัญลักษณ์ต่อต้านหรือสนับสนุนทางการเมืองอย่างใด โดยคลิปดังกล่าวถ่ายไว้ตั้งแต่เดือน พ.ค. 67 และเผยแพร่กันในไลน์กลุ่มของวิทยาลัยที่มีทั้งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการอยู่ ซึ่งหากสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปตนมีข้อความผิดในทางวินัยจริง ตนก็ต้องถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่วันนี้ก็ยังถูกขุดขึ้นมาโจมตี ซึ่งไม่เหมาะสมที่มีการกล่าวหากันอย่างนี้ ทั้งยังครูพละคนดังกล่าวถูกข่มขู่ด้วยข้อความ (.45) ในไลน์กลุ่มวิทยาลัยที่ปัจจุบันยังไม่ได้รับความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น
ส่วนการกล่าวหาว่า เทอมนี้มีคนมาสมัครเพียง 5 คนนั้นเป็นความเท็จ เพราะยอดสมัคร ณ วันดังกล่าวอยู่ที่ 24 คน และเป็นช่วงเวลาปกติที่นักเรียนยังไม่ได้รับวุฒิ ม.3 ก็จะยังไม่มาสมัคร ซึ่งเหตุแห่งการที่นักเรียนสมัครน้อยลงเพราะเหตุใด อาจเป็นปัจจัยทางโครงสร้างสังคมที่มีอัตราการเกิดต่ำ หรือ ด้วยปัญหาสภาพแวดล้อมที่สั่งสมมานาน ทั้งน้ำ ไฟ สัญญาณโทรศัพท์ และ ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของสถานศึกษา ซึ่งไม่ควรนำมาเป็นประเด็นกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีจับแพะชนแกะในกรณีดังกล่าว เพราะมีเรื่องตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบและการประพฤติชั่วร้ายแรง ตั้งแต่ห้วงก่อนปีการศึกษา 2565 อยู่ในกระบวนการตรวจสอบทั้งต้นสังกัด และหน่วยงานตรวจสอบซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อาทิ สตง. ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมาธิการตรวจสอบทุจริตของวุฒิสภา ซึ่งมีทั้งผลการตรวจสอบไปยังต้นสังกัด และ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จึงมีเหตุอันเชื่อได้ว่า เป็นขบวนการจัดตั้งการขับไล่ครูคนดังกล่าวอันเนื่องมาจากกลุ่มเครือข่ายผู้เสียประโยชน์จากการตรวจสอบการทุจริต ที่มีรายละเอียดและปัญหาเรื้อรังมานาน จนเกิดการรวมกลุ่มขึ้นในการขับไล่ดังกล่าว โดยปราศจากข้อเท็จจริงทั้งปวง โดยอย่างยิ่งการนำประเด็นทางการเมืองมาใส่สีตีไข่เพื่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกในสังคม
“และเพื่อเป็นการปิดปากและดิสเครดิตในการตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญที่พึงปฏิบัติโดยปกติในสังคม” นายเอ กล่าวทิ้งท้าย