เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดี เจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ โดยระบุว่า ตับแข็ง 30-50% เสี่ยงเสียชีวิตสูง! ป้องกันยังไงมาอ่าน! พร้อมอธิบายว่า
ถ้าพูดถึงตับแข็ง หลายคนอาจคิดว่า แค่เสี่ยงเป็นมะเร็งตับ แต่จริงๆ แล้ว ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ จากตับแข็งก็อันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นเยอะถึง 30-50% โอกาสเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน
อย่างเลือดออกในทางเดินอาหารหรือตับวายสูงมาก วันนี้มาอธิบายให้ฟังนะ พร้อมกับบอกวิธีป้องกันด้วย
1.ตับแข็ง คืออะไร แล้วมันเกิดจากอะไรได้บ้าง?
ตับ เป็นอวัยวะที่ทำงานหนักมาก มันช่วยกำจัดสารพิษ สร้างโปรตีนที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว และย่อยสารอาหาร แต่ถ้าเราทำร้ายตับเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะด้วยแอลกอฮอล์ ไวรัสตับอักเสบ B หรือ C หรือไขมันพอกตับจากโรคอ้วนหรือเบาหวาน ตับจะเริ่มสร้างพังผืดขึ้นมาแทนที่เซลล์ดีๆ ของมันเอง นี่แหละที่เรียกว่าตับแข็ง
พอพังผืดเริ่มเยอะ ตับก็ทำงานได้แย่ลงเรื่อยๆ สุดท้ายอาจพาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้
2.ภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เสียชีวิต
หลายคนคิดว่า ตับแข็ง จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ ซึ่งก็จริง แต่จริงๆ แล้ว ภาวะอื่นที่เกิดจากตับแข็งก็ทำให้คนเสียชีวิตได้เยอะเหมือนกัน เช่น
- เลือดออกในทางเดินอาหาร หลอดเลือดที่พองตัวจากแรงดันที่สูงขึ้นในตับอาจแตกได้ ถ้าเลือดออกหนัก อาจเสียชีวิตได้เลย
- ตับวาย ตับทำงานไม่ได้อีกต่อไป ส่งผลให้ตัวเหลือง สมองเสื่อม และอวัยวะอื่นๆ เริ่มล้มเหลว
- น้ำในท้องและติดเชื้อในช่องท้อง ถ้ามีน้ำขังในช่องท้องมากๆ อาจติดเชื้อจนเสียชีวิตได้
- ไตวายจากตับแข็ง ภาวะที่ไตเริ่มทำงานไม่ได้ เพราะการไหลเวียนเลือดผิดปกติจากตับแข็ง อันนี้ร้ายแรงมาก
3.จะรู้ได้ยังไงว่าตับแข็งไปถึงไหนแล้ว?
ถ้าใครมีอาการเหนื่อยง่าย ตัวเหลือง ขาบวม หรือท้องโต ควรรีบไปหาหมอ อย่ารอให้แย่ลง
หมอจะใช้หลายวิธีในการวินิจฉัย เช่น
- ตรวจเลือดดูค่าการทำงานของตับ
- อัลตราซาวด์หรือ FibroScan ดูว่าพังผืดเยอะแค่ไหน
- ใช้ระบบคะแนน Child-Pugh หรือ MELD Score เพื่อดูว่าตับแข็งหนักแค่ไหนและเสี่ยงมากแค่ไหน
4.วิธีป้องกันตับแข็ง
ถึงตับแข็งจะเป็นโรคที่ร้ายแรง แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลสุขภาพตับให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ
- เลี่ยงแอลกอฮอล์ เอย่าที่เรารู้กันนะ ว่าดื่มๆหนักๆเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของตับแข็ง
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ B และถ้าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ C ควรเข้ารับการรักษาทันที
- ควบคุมอาหาร เลี่ยงอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารแปรรูป ลดโอกาสเกิดไขมันพอกตับได้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดไขมันสะสมในตับ
- หลีกเลี่ยงยาและสารพิษที่ทำร้ายตับ เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด หรือสมุนไพรที่ไม่มีการรับรอง
- หมั่นตรวจสุขภาพตับ โดยเฉพาะถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน หรือภาวะไขมันพอกตับ
- อาหารเสริมบางตัวก็ช่วยได้นะครับ อย่าง โอเมก้า 3 ช่วยลดไขมันพอกตับ, ลดการอักเสบ, ป้องกันพังผืด และช่วยลดความเสี่ยงของตับแข็ง ,วิตามินอี (Vitamin E) ช่วยลดการอักเสบของตับ แต่ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ควรปรึกษาหมอก่อน รวมไปถึงยังมีโคลีน ก็ช่วยเรื่องขับไขมันออกจากตับ ก็ลดความเสี่ยงได้นะครับ
5.ตับแข็งแล้วกลับมาสามารถกลับมาเป็นปกติได้ไหม
เมื่อเป็นตับแข็งแล้ว เซลล์ตับที่เสียไปจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เหมือนเดิม แต่ถ้าดูแลตัวเองดี ก็สามารถชะลออาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอแบบเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง
- ออกกำลังกายให้เหมาะสม เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อลีบ
- หาแรงบันดาลใจและกำลังใจจากเพื่อนหรือกลุ่มสนับสนุน
“ตับแข็ง” ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และไม่ได้แค่เสี่ยงมะเร็งตับเท่านั้นนะครับ มันยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างก็อันตรายถึงชีวิตได้ การดูแลตัวเองให้ดี เลิกพฤติกรรมเสี่ยง อย่าลืมว่าการป้องกันดีกว่าการรักษานะ.