ทาคายูกิ นิชิกายะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ยอมรับว่า เขาให้ คคนะ คำยก เป็นคนยิงจุดโทษ แต่สุดท้าย ยศกร บูรพา รับหน้าที่เอง ก็ทำได้ดี เพิ่มความมั่นใจ จากเกมส่งท้ายฟุตบอลรายการพิเศษ “โดฮาคัพ” ที่ประเทศกาตาร์ คืนวันที่ 25 มี.ค. 68
ก่อนหน้านี้ ทีมไทย แพ้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 0-1 และแพ้ กาตาร์ 1-2 ก่อนมาเตะเกมสุดท้าย พบ โครเอเชีย โดยเกมนี้ มีประตูในครึ่งหลัง ไทย นำก่อน เมื่อได้จุดโทษ ธนาวุฒิ โพธิ์ชัย โดนทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และเป็น “มิค” ยศกร บูรพา ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไป นาทีที่ 56 ไทยนำก่อน 1-0 แต่จากนั้น โครเอเชีย ยิงนาทีที่ 72, 75 และ 83 จบเกม โครเอเชีย ชนะ 3-1 ทำให้ไทยจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการแพ้ 3 เกม

นิชิกายะ กล่าวว่า ทุกคนก็ทำได้ดีแล้ว ได้เห็นนักเตะทีมชาติโครเอเชีย ที่อยู่ระดับท็อป 4 บอลโลกครั้งที่ผ่านมา มีความจริงจังกันมาก และทำให้ทีมไทยได้ประสบการณ์ในการแข่งขันครั้งนี้ เท่านี้ตนก็มีความสุขมาก ต้องยอมรับว่า การที่ไทยได้ประตูนำ แล้วทำประตูที่ 2 ไม่ได้ ก็สำคัญ แต่รายการนี้ไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์หลัก นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่เพิ่มประสบการณ์ให้นักเตะ จริงๆ ตอนนี้ไม่ได้คิดว่าจะต้องเอาชนะเพื่อตนเอง หรือตัวนักเตะ แต่การที่แสดงสิ่งเหล่านี้ออกมา คือสิ่งที่ดีที่สุด
“ถ้าเราจะจบ 1-0 หรือ 2-0 เราก็ต้องพัฒนา รวมถึงมุ่งมั่นกันมากกว่านี้ อยากให้นักเตะทุกคนพัฒนาตัวเองในทุกๆ วันต่อไป ทำต่อเนื่องเพื่อพัฒนาตัวเอง”

สำหรับประตูที่ไทยนำนั้น นิชิกายะ กล่าวว่า ประตูนี้มาจากทุกคนในทีม พร้อมเผยด้วยว่า จริงๆ แล้ว ให้ คคนะ คำยก เป็นคนยิงด้วย แต่การที่ ยศกร รับหน้าที่ยิงและทำได้ ก็น่าจะทำให้ เจ้ามิค มั่นใจมากขึ้น
“แต่เขา (ยศกร) ยังต้องพัฒนาต่อไป ในการเป็นกองหน้าหมายเลข 9 ยังมีหลายสิ่งที่ต้องปรับ ถ้าเขาตั้งใจ ผมเชื่อว่าเขายังพัฒนาไปได้ไกลเลย”
อ่านข่าว : เงียบกริบ! ‘นิชิกายะ’ วิจารณ์ตรงๆ ‘ช้างศึกหนุ่ม’ ขาดความกระหาย
โค้ชช้างศึกหนุ่ม กล่าวต่อไปว่า “เราได้เจอกับทีมที่ดีแบบนี้ ต้องพยายามควบคุมบอลให้ดี แต่คู่ต่อสู้ก็แข็งแกร่งมากๆ ทำให้เราไม่สามารถครองบอลได้ง่ายๆ แผนการเล่นก็ส่วนหนึ่ง แต่การเจอกับทีมที่แข็งแกร่งมันสำคัญมาก ผมพยายามให้ทุกคนยกระดับตัวเองขึ้นมา หลายคนก็รู้สึกเสียดายกับการเจอโครเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จะเป็นพลังของเราในอนาคตของน้องๆ”
สำหรับทีมชาติไทย ชุด 23 ปี เดินทางกลับถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในช่วงค่ำวันที่ 26 มี.ค. 68 และจะเก็บตัวฝึกซ้อมอีกครั้งในช่วงฟีฟ่า เดย์ ครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย. เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ในช่วงเดือน ก.ย. 68 และมหกรรมซีเกมส์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ในช่วงเดือน ธ.ค. 68