สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียู เผยแพร่ “โครงการเชิงกลยุทธ์ 47 โครงการ” รวมถึงการเปิดเหมืองลิเทียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และทังสเตน เพื่อให้สหภาพยุโรปสามารถพึ่งพาตนเองในด้านลิเทียมได้อย่างสมบูรณ์
โครงการเหล่านี้จะอยู่ภายใต้กฎหมายวัตถุดิบสำคัญ หรือ Critical Raw Materials Act (ซีอาร์เอ็มเอ) ซึ่งอียูหวังว่า จะสามารถช่วยปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียว และการผลิตในยุโรป โดยกำหนดให้ภายในปี 2573 อียูจะต้องตอบสนองความต้องการในการสกัดแร่ 10% การแปรรูปแร่ 40% และการรีไซเคิล 25% สำหรับวัตถุดิบแต่ละชนิด
???? #CriticalRawMaterials Strategic Projects, we have lift off!
— Internal Market, Industry, Entrepreneurship & SMEs (@EU_Growth) March 25, 2025
➡️https://t.co/tTYJ6zaNXC
????️ These 47 projects across the EU are a giant leap for Europe’s autonomy and for our clean tech and defence industries.
Applications will re-open this year ????️ pic.twitter.com/95r9SFqnbu
มากไปกว่านั้น กฎหมายดังกล่าวยังกำหนดให้เลิกพึ่งพาประเทศนอกสหภาพยุโรป สำหรับความต้องการวัตถุดิบเชิงยุทธศาสตร์มากกว่า 65% ซึ่งในปัจจุบัน ยุโรปพึ่งพาแร่ธาตุหายากหนักจากจีน 100% และแร่โบรอนจากตุรกีถึง 98%
แผนของสหภาพยุโรปประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ การสกัด แปรรูป และรีไซเคิลวัตถุดิบเพิ่มเติมในยุโรป การกระจายซัพพลายเออร์ในต่างประเทศ การซื้อร่วมกันเพื่อลดต้นทุน และการสร้างสต๊อกเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ จะมีการจัดหาเงินทุนในรูปแบบเงินกู้ การค้ำประกัน และเงินช่วยเหลือสูงถึง 2,000 ล้านยูโร (ราว 73,250 ล้านบาท)
ทั้งนี้ทั้งนั้น กฎหมายกำหนดให้โครงการสกัดต้องได้รับใบอนุญาตภายใน 27 เดือน และ 15 เดือน สำหรับโครงการแปรรูปหรือรีไซเคิล และในขณะนี้ อียูได้รับใบสมัครสำหรับ 170 โครงการ ซึ่ง 49 โครงการอยู่ภายนอกสหภาพยุโรป รวมถึงในกรีนแลนด์และยูเครน ซึ่งจะมีการประกาศโครงการอื่น ๆ นอกอียูอีกหลายโครงการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES