สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวถึงการที่สหภาพยุโรป ( อียู ) เผชิญกับภาษีต่างตอบแทนที่กำหนดโดยสหรัฐ ในอัตรา 20% ว่าตราบใดที่ยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ อียูควรระงับการลงทุนให้ทั้งหมดในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน มาครงกล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เป็นฝ่ายประกาศมาตรการภาษีดังกล่าว มีแต่จะยิ่งทำให้อเมริกา “อ่อนแอและยากจนมากขึ้น” และวิจารณ์การกำหนดฐานภาษีของรัฐบาลวอชิงตันว่า “ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานของความเป็นจริง” ซึ่งจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงยุโรป
ขณะที่นายมานูเอล วาลส์ รมว.กระทรวงกิจการโพ้นทะเลของฝรั่งเศส กล่าวถึงการที่มาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐ มีผลต่างหากแม้กับดินแดนโพ้นทะเลหลายแห่ง ที่ยังอยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐบาลปารีส “เป็นเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน”
ด้าน “ฟรานซ์ อินดัสทรี” ซึ่งเป็นหนึ่งการรวมตัวของผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ของฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ว่า บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของทรัมป์ รวมถึง ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% ควรพิจารณาตอบโต้บ้าง โดยมีการเสนอแนวทาง รวมถึงการระงับการลงทุนเพิ่มเติมในสหรัฐ
อนึ่ง ข้อมูลจากหอการค้าอเมริกาในฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ปัจจุบันในสหรัฐมีสาขาของบริษัทจากฝรั่งเศสมากกว่า 4,200 แห่ง และจ้างพนักงานรวมกันราว 741,000 คน.
เครดิตภาพ : AFP