อันยองแฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักของ “นูน่าเมี้ยน” ทุกคน วนกลับมาพบกันอีกเช่นเคยในคอลัมน์บันเทิงสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง “SeoulStation” พื้นที่ที่รวบรวมเรื่องราวข่าวสารของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์มาอัปเดตแบบจัดเต็มพิเศษเพื่อเหล่าสาวกความบันเทิงแดนกิมจิให้อ่านกันอย่างจุใจกันเลยทีเดียว และสัปดาห์นี้นูน่าอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปพบกับศิลปินหนุ่มมากพรสวรรค์ที่หลายคนมอบฉายาให้เขาว่า “ราชาเจ้าพ่อเพลงซีรีส์” นั่นก็คือ “พอลคิม” (Paul Kim) โดยในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีการเดบิวต์บนเส้นทางดนตรีของเขา และเพื่อฉลองความพิเศษนี้พอลคิมได้ปล่อยอัลบั้มพิเศษ “Sincerely Yours” ซึ่งจะเป็นการบันทึกทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาในเส้นทางศิลปินของเขา โดยอัลบั้มนี้จะรวมเอา 30 บทเพลง จากความทรงจำทั้งหมดของเขา พร้อมเปิดตัวเพลงใหม่ “I Remember” ที่จะทำให้แฟนๆ หลงรักเสียงของเขายิ่งกว่าเดิม

นอกจากนี้ พอลคิม ก็ได้การจัดจัดคอนเสิร์ต “2025 Paul Kim Small Theatre Concert – Sincerely Yours” ที่ Blue Square Mastercard Hall ย่านฮันนัมดง ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านที่ผ่านมา และการแสดงทั้ง4 รอบได้ขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีการจัดทัวร์เอเชียคอนเสิร์ตที่โตเกียว, โอซาก้า, กรุงเทพฯ และ จาการ์ตา อีกด้วย โดยในประเทศไทยผู้จัดใจดีอย่าง “Bestwarin For You” ก็ไม่พลาดที่จัดเต็มความสนุกผ่าน “2025 Paul Kim Concert (Sincerely yours) in Bangkok” เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ทำเอาแฟนๆ ต่างพากันหูเคลือบทองกันฟินจุใจกันกลับบ้านเลยทีเดียว

และโอกาสดีๆ แบบนี้ทั้งวระครบรอบ 10 ปี และ “พอลคิม” ได้เดินทางมามอบความสุขผ่านคอนเสิร์ตที่ไทยทั้งที มีหรือที่ “นูน่าเมี้ยน” จะพลาด เลยถือโอกาสคว้าตัวหนุ่มพอลคิมมาพูดกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับเส้นทางชีวิตกว่าจะมาเป็นพอลคิมในทุกวันนี้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง  อะไรคือความฝันสูงสุดของผู้ชายคน และวินาทีที่เขารู้สึกท้อแท้ในชีวิตเขาจะเดินทางสู้กับมันต่อไปอย่างไร!

ทักทายแฟนๆ Seoul station สักหน่อย?

พอลคิม : “สวัสดีครับ แฟนๆ Seoul Station ทุกคน ผมพอลคิม ยินดีที่ได้เจอนะครับ”

มาไทยครั้งนี้มีความพิเศษมากๆ ได้มีโอกาสมาจัดคอนเสิร์ตในไทย ตื่นเต้นขนาดไหน?

พอลคิม : “ผมได้เดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยเป๊นครั้งที่ 2 แล้วครับ ครั้งแรกผมก็รู้สึกกังวลครับ เพราะว่ามันใหม่ทั้งหมดเลย และครั้งที่2ครั้งนี้ที่ได้มาก็รู้สึกว่ามีความสนุกมากขึ้นครับ ผมก็ตั้งตารอที่จะได้เจอกับแฟนๆ และหวังว่าทุกคนจะสนุกไปด้วยกันในงานครับ”

หลังจบงานคอนเสิร์ตที่ไทยแล้ว แฟนๆ ชาวไทยจะได้เห็นความพิเศษอะไรจากคุณอีก?

พอลคิม : “สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เป็นการครบรอบ10ปีที่ผมเดบิวต์มา เหมือนมันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ เลยที่ได้อยู่ตรงนี้ อาจจะมีความพิเศษอะไรที่เพิ่มเติมมากขึ้น ผมอยากให้แฟนๆ คอยรอติดตามชมกันครับ”

หลายคนหลงรักเสียงของคุณมาก หากคุณเปรียบเสียงของคุณเป็นเครื่องดนตรี 1 ชิ้น คุณจะเปรียบเป็นอะไรและเพราะอะไร?

พอลคิม : “ถ้าเปรียบเสียงของตัวผมเองกับเสียงเครื่องดนตรี ผมว่ามันคิดยากมาก แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นวิโอล่าครับ วิโอล่าเป็นเครื่องดนตรีที่อยู่ตรงกลางระหว่างไวโอลินกับเชลโล เครื่องดนตรีพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับกีต้าร์ แต่ก็จะสามารถแยกเป็นเสียงสูง กลาง ต่ำ คือถ้าเปรียบเทียบเสียงตัวผมเองก็น่าจะประมาณวิโอล่าครับ”

อะไรคือแรงบันดาลใจในการเป็นนักร้องของคุณ?

พอลคิม : “คือปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลงอยู่แล้วครับ แล้วเวลาที่ร้องเพลง เวลาที่ไปร้องเพลงกันเพื่อนๆ เพื่อนๆ ก็คือจะเงียบและก็ตั้งใจฟังผมครับ ผมก็เลยคิดว่าอยากร้องเพลงเป็นอาชีพที่สามารถหาเงินให้ตัวเองได้ เพราะไหนๆ ผมก็ร้องเพลงได้แล้ว”

ถ้าหากพูดถึงชื่อ “พอล คิม” คุณอยากให้ทุกคนนึกถึงอะไรมากที่สุด เพราะอะไร?

พอลคิม : “น่ารัก ล้อเล่นครับ (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง คิดว่าผมเป็นคนยังไงครับ? (ทีมงาน : เป็นหูเคลือบทองแล้วกัน) งั้นก็น่าจะประมาณนั้นครับ (หัวเราะ)”

ถ้าให้คุณเลือกเพลงสักหนึ่งเพลงที่คุณแต่ง หรือชื่นชอบที่สามารถอธิบายตัวตนของคุณได้ คุณจะเลือกเพลงอะไร เพราะอะไร?

พอลคิม : “คือถ้าต้องเลือกเพลงที่อธิบายกับตัวผม ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพลงไตเติ้ลในอัลบั้มล่าสุด อัลบั้ม “Sincerely Yours” คือจะเป็นเพลงที่ถ่ายถอดอารมณ์ความรู้สึกประมาณว่า ต่อให้เป็นคุณปู่ที่มีอายุ 100 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีความรักอยู่ด้วย มีความรักเติมเต็มในการหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ว่าเหมือนประเทศไทยก็น่าจะมีแบบนี้ด้วยใช่มั้ยครับ ประมาณต่อให้ผ่านไปอายุ 100 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีความฝันเดิมๆ อยู่ ผมคิดว่าถ้าเกิดความฝันของผมตอนผมอายุ100ปีแล้ว ผมก็หวังว่าผมจะสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณเต่งตึง มีน้ำมีนวลแบบตอนนี้ครับ”

หลายคนยกให้คุณเป็นแถวหน้าของวงการเพลง แล้วคุณมียกให้ใครที่ยกเป็นไอดอลมั้ย?

พอลคิม : “คือจริงๆ แล้วส่วนตัวคือไอดอลตัวอย่างมีเยอะมาก แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ หรือเพื่อนๆ ในวงการที่อยู่เคียงข้างผม ก็คอยช่วยเหลือและซัพพอร์ตผมมาตลอด แต่จริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตสิ่งที่สำคัญที่สุดมันคือการมีความสุข เพราะฉะนั้นแล้วตัวอย่างสำคัญของผมก็คือคุณปู่คุณย่า เพราะพวกท่านมีชีวิตอยู่มานานแล้วแต่ก็ยังมีความสุขกันมาตลอด พวกท่านยังคงยิ้มได้ ยังหัวเราะกันได้ในทุกๆ วันครับ”

นอกจากการร้องเพลงแล้ว ทักษะอะไรที่คุณอยากพัฒนามากที่สุด เพราะอะไร?

พอลคิม : “สำหรับผมส่วนใหญ่แล้ว เพลงของผมจะเป็นเพลงช้า เป็นเพลง บัลลาดซะส่วนใหญ่ คือเป็นเพลงเบาๆ ร้องอย่างเดียว แต่ว่าช่วงหลังๆ ก็เลยมีความรู้สึกว่าอยากจะเพิ่มจังหวะเข้าไปในเพลง อาจจะมีการโยกย้ายบ้างนิดนึง แต่ว่าไม่ถึงกับเป็นเพลงแดนซ์เลยนะครับ แต่ว่าก็จะเพิ่มจังหวะให้แฟนๆ ได้เห็นอีกบุคลิกนึงของผมมากขึ้นครับ”

คุณคิดว่า อีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า “พอลคิม” จะอยู่ในบทบาทไหน จะทำอะไรอยู่?

พอลคิม : “คอนเสิร์ตครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้ทัวร์หลายๆ ประเทศแบบนี้ คือเมื่อเช้าตอนที่ผมแต่งหน้าแต่งตัวทำผมก็คุยกับทีมงานนะครับ ปมอยากทำอันนู่นอันนี้นะ ถ้าทำอันนี้ก็น่าจะดีนะ คือถ้าจะให้ให้บอกว่า อีก5ปี 10ปีข้างหน้าจะทำอะไร ผมก็คงจะอยากได้ใช้ความสุขร่วมกับแฟนคลับครับ ได้ร้องเพลงให้กับแฟนคลับ ได้มีคอนเสิร์ตที่ได้โชว์ความสามารถที่มากขึ้น และก็ได้อยู่ร่วมกันกับแฟนคลับมากขึ้นครับ”

สำหรับคุณความฝันอันสูงสุดคืออะไร?

พอลคิม : “ก็คือว่าถ้าฟังแล้วอาจจะดูโลภนิดนึงนะครับ แบบมีหลายอย่างเลยครับ แต่ว่าผมก็อยากได้ร้องเพลงต่อหน้าแฟนๆ หลายคนเยอะๆ อยากมีเวลาได้ใช้ชีวิตกับครอบครัว ได้ใช้เวลากับคนที่ผมรักมากขึ้น แล้วก็ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้นครับ คือความฝันของผมคือการใช้ชีวิตให้มีความสุขครับ”

ตลอดชีวิตการทำงานของคุณ คุณมีโมเมนต์ไหนบ้างที่คิดว่าเป็น Magic Moment หรือเป็นโมเมนต์ที่จะลืมไม่ลงเลย?

พอลคิม : “ผมว่าน่าจะเป็นของอัลบั้มนี้แหละครับ การทำอัลบั้มนี้ เพราะว่าอัลบั้มนี้มีเพลงทั้งหมด 30 เพลง คือเยอะมากๆ คือตลอดเลา 4-5 เดือนในการอัดเพลง ผมใช้ชีวิตแค่ไปห้องอัด กลับบ้าน ไปห้องอัด กลับบ้าน คือเป็นแบบนี้มาตลอดเหมือนเป็นผมในใจผมเลยครับ แต่ว่าพอผมอัดเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วมาเห็นทุกอย่างที่มันสมบูรณ์แบบนี้แล้ว ผมก็รู้สึกมีความสุขมากๆ เลยครับ รู้สึกเลยว่านี่สินะคือความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของเรา”

หากวันหนึ่งคุณเจออุปสรรคจนคุณเกิดความท้อแท้จนอยากยอมแพ้ อะไรจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณขึ้นมาสู้กับมันอีกครั้ง?

พอลคิม : “อุปสรรคที่ผมเจอจนเกิดความท้อแท้มีอยู่ 2 ครั้งครับ คือครั้งแรกน่าจะเป็นช่วงตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ครับ ที่เหมือนว่าเดบิวต์มาสักพักนึงแล้วแต่งานไม่ค่อยมี ผมก็เลยมีความคิดว่าจะเลิกดีมั้ยนะ แต่ว่าในช่วงเวลาที่ผมคิดแบบนั้น ก็มีแฟนคลับคนนึงที่เดินมาแล้วบอกว่า “เป็นแฟนเพลงนะ” มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนที่รอฟังเพลงของผมอยู่  คือทุกครั้งที่ผมท้อก็จะนึกถึงความทรงจำนี้ตลอดเลยครับ และอีกครั้งนึงก็คือในตอนระหว่างที่ผมเดบิวต์แล้ว ก็จะมีคนรอบข้างยอมแพ้กันไปบ้าง เหน็ดเหนื่อยกันบ้าง แต่ผมรู้สึกว่าในชีวิตของผมมันก็อาจจะมีสิ่งที่เราทำได้ดีไม่กี่อย่างหรอก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการร้องเพลง ซึ่งผมก็รู้สึกว่าผมอยากทำตรงนี้ให้มันดีที่สุด และให้มันอยู่กับผมไปจนวันสุดท้ายเลยครับ”

แฟนๆ คอยเป็นกำลังใจให้คุณมาตลอด คุณอยากบอกอะไรพวกเขามั้ย?

พอลคิม : “คือผมรู้สึกว่า ผมไม่ต้องทำให้ตัวเองดีเพื่อให้คนอื่นมารัก แต่ผมอยากให้ทุกคนรักผมชอบผมในแบบที่ผมเป็น ซึ่งแฟนๆ ทุกคนที่อยู่กับผมมาตลอด10ปี รักผมในแบบที่ผมเป็นมาเสมอ ชอบผมในแบบนี้ ผมก็รู้สึกขอบคุณแฟนๆ ตลอดเวลาครับ และอยากจะทำผลงานดีๆ สร้างสรรค์เพลงดีๆ ต่อไป เพื่อให้แฟนๆได้มีความสุข และอยู่กับผมไปนานๆ คือต่างฝ่ายก็ต่างมอบความสุขให้กันครับ”

เรียกได้ว่า “พอลคิม” เป็นอีกหนึ่งศิลปินในวงการเพลงที่ได้รับการยอมรับอย่างยอดเยี่ยมจากแฟนคลับทั่วโลก ด้วยผลงานอันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพของเขาที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกผ่านบทเพลงได้อย่างเนียนกริบไร้ที่ติ  และสามารถสื่อสารผ่านทะลุไปถึงหัวใจของผู้ฟังได้อย่างท่วมท้น แต่บอกเลยว่ากว่าพอลคิมจะมายืนบนจุดที่แสงสว่างส่องถึง และกลายเป็นที่รักของผู้คนมากมายนี้ได้ เขาได้สู้ฝ่าฝันกับเส้นทางสายนี้มาไม่น้อย แม้จะท้อแท้มากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดที่จะล้มลง แต่เขาเลือกที่จะฮึดสู้เพียงแค่รู้ว่ายังมี “แฟนเพลง” ที่รอคอยฟังเสียงของเขาอยู่ และสิ่งนี้ก็เป็นเหมือนพลังอันยิ่งใหญ่ทำให้เขาสามารถก้าวข้ามมัน และขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของวงการเพลงได้สำเร็จ พร้อมกับสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพมากมาย ตอบแทนแฟนเพลงที่รัก เชื่อใจ และศรัทธาเขาอย่างดีเสมอมา!.


คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”