เป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวมากฝีมือ หลังล่าสุด “มิ้นต์ ชาลิดา” ได้มาอัปเดตความรัก 13 ปีกับแฟนหนุ่ม “ภูผา เตชะณรงค์” พร้อมทั้งเปิดใจถึงเรื่องล่าสุดที่โดนโกงไปกว่า 7 หลัก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow โดยเธอเผยว่า

“สำหรับน้องมอสโดนชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย คือเรื่องจบแล้ว ที่เคยบอกไป เหมือนเราก็ต้องยอมรับกฎหมายในประเทศเรา ตามกฎหมายเหมือนเสียค่าปรับทะเลาะวิวาท เนื่องจากเขาไม่ได้มีอาวุธทำร้ายร่างกายรุนแรงมาก ถึงขั้นนอนรพ. เสียแค่ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้ กลับประเทศไป แล้วโดนทำทัณฑ์บนในการเข้าประเทศเฉยๆ ค่ะ ถ้าเข้าต้องรายงานตัว ใช้เวลาในตม.ประมาณนึง เพราะเขาเคยทำร้ายคนไทย ก็เป็นบทเรียน เขาเคยเป็นสจ๊วต อาชีพการบริการคืออันดับหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนเป็นม่อนไปอาจอีกเรื่องนึง (หัวเราะ) แต่นี่เขาซอฟต์มาก เราก็ไม่ควรไปหงอ จนถึงขั้นปล่อยให้คนกระโดดเตะเราได้ง่าย ก็เป็นบทเรียนไป วินาทีนั้นม่อนบอกทำไมไม่เป็นม่อน อ๋อ ม่อนไม่ตื่น (หัวเราะ) เขาก็ตัวใหญ่อยู่ ม่อนไม่รู้จะสู้ไหวหรือเปล่า ซึ่งเราเป็นพี่สาวคนโต ตอนแรกแย่มาก มิ้นต์ไปถ่ายแบบต่างจังหวัด ไม่คิดว่าต้องไปไกล่เกลี่ยกันวันต่อไป ไม่มีใครไปกับน้องเลย น้องถูกเรียกกะทันหันเพราะเขาต้องกลับประเทศ ตอนแรกเราคิดว่าคดีช้าๆ ตอนแรกออกมาน้องไม่พร้อมคุยเลย เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้รับกับการกระทำ มันไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน ก็ค่อยๆ แหละ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว เขาก็กลับไปเป็นสจ๊วต ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน มิ้นต์ก็ให้กำลังใจซัพพอร์ต ตอนแรกน้องไม่อยากให้เป็นข่าวเลย ขอให้เงียบๆ แต่เรารู้สึกว่าพอมันช้า เราพร้อมลุย ใครทำน้องเรา เราเต็มที่ เขาเห็นการซัพพอร์ตของเรา แต่เรื่องจิตใจมิ้นต์ว่ามันต้องใช้เวลา เรื่องนี้มิ้นต์ไม่สามารถตอบแทนน้องได้ เราไม่ไปถามจี้เขาในเรื่องเดิม เพราะแผลในใจคนเราไม่เหมือนกัน เรามูฟออนคุยเรื่องอื่นเลย แต่ถึงเวลาเราโปรเทคเขาเต็มที่

ตอนนี้กำลังทำธุรกิจใหม่ เป็นธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ค่ะ มิ้นต์ทำรายการเกี่ยวกับสัตว์ ก็อยากทำอะไรเกี่ยวกับสัตว์ ในนั้นมีไก่ มีหลายอย่าง เป็นคอมมูนิตี้เด็ก เรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีที่แล้วอะไรก็เกิดกับฉัน (หัวเราะ) ถามว่าตอนนี้สำเร็จแล้ว ไม่ได้ทำแล้วค่ะ หยุดไปเลย มันเพิ่งเริ่มจะก่อสร้าง มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นค่ะ โดนโกง ก็หยุดไปเลย ไม่ได้ทำแล้ว ยังคิดอะไรไม่ออก หยุดไปก่อน สาเหตุที่ถูกโกง ทำให้เราชะงักธุรกิจ คือรับเหมาเทิร์นคีย์ มีทั้งแบบ และก่อสร้างด้วย การก่อสร้างเกิดขึ้นประมาณ 2 เฟสแล้ว แต่แบบไม่มา ลงเสาไปแล้ว แต่ไม่มีแบบ หนูก็งง แต่ก็เป็นความผิดพลาดของเรา เราบอกว่าได้ๆ พี่ หยวนๆ ไป เราไม่เคยทำ ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจกับก่อสร้างครั้งแรก เวลามิ้นต์ทำบ้าน คุณพ่อมิ้นต์จะตรวจสอบละเอียดมากๆ อันนี้เหมือนเราไปลุยเอง ด้วยความเราเป็นคนที่ได้ๆ แบบไม่มา พอทำไปถึงเสาแล้ว อ้าว ไม่มีวิศวะก่อสร้างเซ็นอะไรแบบนี้เหรอ มันก็อาจเป็นการโชคดีก็ได้ ก่อนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้ เสียเงินให้เขาไปแล้ว ก็หลายล้านอยู่ค่ะ มิ้นต์คิดแง่ดี ฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน เราไม่เอาเวลาของเราที่ดีๆ ไปเสียกับอะไรที่ท็อกซิกแบบนี้ดีกว่า กว่าจะคิดได้ถึงวันนี้ มันนอนไม่หลับ เครียด โห จะทำยังไง ปกติเราไม่ได้ยอมให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ง่ายๆ แต่พอไปตรวจสอบทุนจดทะเบียนเขาแล้ว ไม่คุ้มต่อการฟ้องร้องค่ะ เหมือนบริษัทที่เขาเอามาให้เราตอนแรก ไม่ใช่บริษัทนี้ แต่เขาจดทะเบียนมาเซ็นสัญญากับเราด้วยทุนจดทะเบียนที่ต่ำมาก การฟ้องไปก็เสียเวลาชีวิต ต่อให้ชนะก็ไม่ได้อะไร ซึ่งเรื่องนี้สอนอะไรเราเยอะมาก จริงๆ การทำรับเหมาถ้าเราไม่ถนัด เราหาคนปรึกษา ด้วยความที่เราโตแล้ว เราอยากลองทำด้วยตัวเอง เราไม่ได้ปรึกษาคุณพ่อ ก็เป็นบทเรียนครั้งใหญ่เลย กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ มันเครียดแบบ โห ร้องไห้ ผ่านทุกอย่าง การเชื่อใจคน ไม่ได้เลย ช่วงนั้นเพิ่งหมดโควิด ศาลคดีเยอะ กว่าจะรออะไร ก็ต้องใช้เวลา

หนูก็ไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์(หัวเราะ) หนูไหว้ขอพรว่าขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเถอะ แล้วน้องที่ไปด้วย เขาเห็นสัมภเวสีเยอะมาก หรือว่ามันทำให้เกิดเรื่อง เขาดูหิวโหย มิ้นต์ก็บอกว่าเขาหิวเหรอ ฉันไหว้ศาลอยู่แล้วไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาอีกชุดนึงมาไหว้เขา เพราะเคยเห็นการไหว้น้ำแดงตามเสาต่างๆ เพิ่งรู้วันนี้เลยว่าไม่ควรทำ เพราะเป็นการเรียกผี มิ้นต์ก็ไม่รู้ ทำเพราะคิดว่าเขาหิว เรามีกำลังให้ได้ ก็นิดหน่อย เราไหว้ศาลแล้วแค่วางให้เขานิดหน่อย ซึ่งน้องๆ ที่เห็น เป็นน้องของเพื่อน เขาทักว่าเขาเห็นเยอะเลย ส่วนที่ว่าท่าไม่ดี คือหนูไปวัด แล้วพระทักว่าเธอมากับใครเต็มเลย หน้าไม่ซ้ำเลย แล้วหนูเป็นคนไม่เคยมีเซ้นส์ หนูถามว่ามากับใครคะ มากันแค่นี้ เขาบอกว่ามากันเยอะมาก เป็นพระที่เราตั้งใจไปกราบ แต่ไม่เคยเจอท่านมาก่อน ท่านทักว่าเหมือนท่านเห็น พอเขาพูดรายละเอียด อุ้ย ฉันไปนั่งท่านี้ ไหว้แบบนี้ๆ เลย ตอนนี้เคลียร์แล้ว หยุดไหว้

ส่วนความรักตอนนี้เรียบง่ายมากๆ เลยค่ะ ใกล้แต่งมั้ยยังไม่รู้เลย หนูไม่ได้คาดหวังไกลถึงอนาคต พอปีที่แล้วอุปสรรคมันเยอะ มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ พี่ภูผาก็โฟกัสกับการทำสวนสัตว์ค่อนข้างเยอะ เหมือนพอเขาดูตรงนั้น ระยะทางเราก็ไกลขึ้น เหมือนเราอยู่กรุงเทพฯ เขาอยู่เขาใหญ่ มิ้นต์ทำงานถ่ายโน่นนี่ นานน้านจะได้ไป เขาก็ลงมาได้แป๊บๆ ยังเป็นช่วงปรับจูนอยู่แหละ เราต่างโฟกัสหน้าที่การงาน ก็เลยเหมือนต่างคนต่างทุ่มเทให้งานก่อน คือหนูกลัวว่าหนูไปอยู่โน่น แล้วหนูต้องทำงานยังไง (หัวเราะ)“
