เมื่อวันที่ 12 ก.ค. สมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่มีชื่อว่า รติรัตน์ รถทอง ได้โพสต์ข้อความอาลัย “หมอหนึ่ง” นายพิเชษฐ์ สหกิจ หมออนามัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยระบุข้อความว่า “ข้าว…ทราบข่าวนี้สักสองวันแล้ว แต่ยังไม่สามารถเขียนออกมาเป็นข่าวสารเพื่อสื่อให้คนเข้าใจสถานการณ์ได้ว่าสมุทรสาครมีอะไรที่มากกว่าความเงียบงัน…ของคนสมุทรสาคร

หมอหนึ่ง นายพิเชษฐ์ สหกิจ หมออนามัย รพ.สต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เวลาปะทะคนไข้แรกๆ จะเป็นหมอโรงพยาบาลชุมชนตำบลเหล่านี้ พวกเขาและเธอต่างต้องรับมือคนเจ็บคนป่วยที่เข้ามารักษาใน รพ.ด่านแรกที่เจอโควิด…ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเข้าใจผิดว่าเรามีด่านแรกที่เข้มแข็ง มี อสม. มีทุกอย่างดูแลโรคระบาดได้ในครั้งแรกๆ แต่ลืมไปว่า หมอหรือเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็พลาดและหมดแรงได้  พอมาระลอก 3 มาเต็ม ๆ เราถึงมีข่าวว่าหมอ พยาบาล จนท.ติดกันเยอะ…ทุกคนกล้ำกลืน…แบบให้งานมาแต่ไม่ได้ติดอาวุธป้องกันให้พวกเขาทัพหน้าของไทย

หมอหนุ่มๆ หมอสาว ๆ ด่านหน้าเหล่านี้…หลายคนอายุน้อย โสดเป็นอนาคตของประเทศ อย่างหมอหนึ่ง ที่เป็นความหวังของครอบครัว เป็นความภูมิใจของคนรอบข้างในสังคมได้พึ่งพา ดูแลคนไข้มากมาย เป็นเพื่อนเป็นน้องของคนที่รักเขา เขาก็รักคนเหล่านั้น ขนาดน้องได้รับการฉีดซิโนแวดแล้วสองเข็มด้วยซ้ำแต่ป้องกันอะไรได้บ้างมั้ย ไม่เลย บางคนบอกข้าวว่าเหมือนฉีดน้ำเปล่ากันตาย ที่ข้าวโมโหคือเพราะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเป็นหมอยังออกมาเชียร์  หลายคนบอกว่าดีที่สุดของคนไทยสมควรได้รับการฉีด ลองมาเป็นพวกเขาบ้างซิแล้วตายบ้างซิ

เสียดายอนาคตหมอหนึ่งในอนาคตเราอาจมี ผอ.รพ.สต.ที่ดีๆ หรือเปล่า? สังคมไทยเรากว่าจะสร้างคนดีคนเก่งมาทำงานยากเย็นขนาดไหนใครรู้ ตอนแรกข้าวว่าจะไม่เขียนแบบนี้ เพราะข้าวไม่รู้จักน้อง แต่เห็นน้องจบมหาลัยเดียวกันก็อดไม่ได้ เพราะยังไงคงไม่ใช่รายเดียวที่ถูกลืม ขนาดเผาศพญาติพ่อแม่พี่น้องยังไปเปิดดูหน้าก่อนตายไม่ได้เลยจะมีอีกสักกี่คนคะที่ต้องสูญเสียอีก จะตายคาบ้านอีกกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นคน ตอนปีที่แล้วข้าวยังคิดว่า ประเทศอื่นๆ อย่างอเมริกา อังกฤษ ยุโรปเขาโชคร้ายนะศพกองเป็นหมื่นฝังรวมกัน น่าสงสารนะแต่เปล่าเลย เราคนไทยนี่ต่างหากที่ลำบากลำบนมากว่าเขามากมายหลายร้อยเท่าเพราะว่าผู้หลัก ผู้ใหญ่เราอยู่บนปราสาทหอคอยงาช้าง

สองวันก่อนอ่านข่าวเป็ด เชิญยิ้ม ว่าพ่อแม่เขาตายหมดทั้งคู่ แม่ตายมิถุนายน พ่อตายต้นกรกฎาคมนี้เองเป็ดร้องไห้ยังกับเด็กๆ ใครจะดูแลพวกเราประชาชนคนไทยที่เดือดร้อนและคาดว่าจะเจ็บกันไปอีกนาน เจ็บและไม่จบ อาจรอวัคซีนกว่าจะได้ครบเมื่อไหร่ เราอยากเดินภายใต้ดวงอาทิตย์แบบไม่ใส่แมสก์บ้าง. นี่สองปีแล้ว เป็นปี ๆ แล้วที่ออกไปกินข้าวนอกบ้านไม่ได้ เหนื่อยนะช่วยตื่นจากฝันที่วาดไว้บ้าง มองสถานะความเป็นจริงของเราบ้าง?

พี่ครูข้าวในสถานะคนสมุทรสาครเหมือนกันและเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้เราจะอยู่คนละคณะคนวงการการทำงานพี่ข้าวที่น่าจะแก่กว่ามาก ๆ คนนี้ก็ขอให้หมอหนึ่งสู่ภพภูมิที่ดีและสุขคติเถิดน้อง ปล.เครดิตภาพจากเฟซบุ๊กของหมอหนึ่ง ขอบคุณที่อ่านค่ะ ร่วมอาลัยกันนะคะ ข้าวเป็นนักเขียนอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ความน่ากลัวของโควิด-19. ดูแลตัวเองด้วยทุกคน”..