สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวระหว่างเข้าร่วมงานเสวนาของสโมสรเศรษฐกิจ ที่เมืองชิคาโก ถึงนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ “คือการปรับเปลี่ยนด้านนโยบายพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ” เนื่องจาก “ระดับการเพิ่มขึ้นของภาษีที่มีการประกาศออกมาจนถึงตอนนี้ ถือว่าสูงและมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้มาก”


พาวเวลล์กล่าวว่า มาตรการภาษีของรัฐบาลทรัมป์ กำลังทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอยู่บนเส้นทางของ “การเติบโตอย่างอ่อนแอ อัตราการว่างงานที่สูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เร็วขึ้น”


ขณะเดียวกัน แนวโน้มของวิกฤติที่จะเกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของเฟด นั่นคือ การลดอัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ทั้งนั้น พาวเวลล์กล่าวว่า นโยบายทั้งหมดของเฟดจะยังคงยืนหยัดตามแนวทางเดิม จนกว่าจะมีความชัดเจนว่า เศรษฐกิจของสหรัฐตอบสนองอย่างไร ต่อนโยบายเศรษฐกิจทั้งหมดของทรัมป์ ซึ่งยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และย้ำว่า ธนาคารกลางสหรัฐไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง


ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ที่ระหว่าง 4.25% ถึง 4.50% ซึ่งเป็นอัตราคงที่ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์กล่าวเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า “ยังเร็วเกินไป” ที่จะสรุปว่า เฟดต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน ให้สอดคล้องกับมาตรการภาษีของทำเนียบขาวหรือไม่.

เครดิตภาพ : AFP