เมื่อวันที่ 17 เม.ย. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 32/2568 รับคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 มาตรา 8 เปิดเผยความคืบหน้าคดีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (อาคาร สตง.) แห่งใหม่ ความสูง 30 ชั้น ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ว่า
วานนี้ (16 เม.ย.) นายชัยฤทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) พนักงานบริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด ในตำแหน่งวิศวกร เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ข้อมูล กรณีอาจถูกแอบอ้างเป็นผู้ควบคุมงานตึก สตง. โดยชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมงานตึก สตง. แต่เจ้าตัวเป็นพนักงานบริษัทที่มีชื่อในกิจการร่วมค้า PKW และถูกเกณฑ์ไปถ่ายรูปขณะควบคุมงาน ตรวจงานภายในตึกระหว่างก่อสร้าง สตง. เพื่อให้ดูว่ามีการควบคุมงานจริง จึงเกิดความสงสัยว่าเรียกไปถ่ายรูปทำไม กระทั่งเริ่มมีข่าวการปลอมลายเซ็น จึงทราบว่าตนน่าจะถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยอีกว่า ส่วน นายชัยฤทธิ์ เกรงจะถูกปลอมลายเซ็นด้วยหรือไม่นั้น เจ้าตัวยอมรับว่าจำไม่ได้ แต่ตามหลักการเชื่อว่าอาจมี เพราะต้องมีการลงลายเซ็น โดยปกติการควบคุมงานของบริษัทต่างๆ จะรวบรวมรายชื่อวิศวกรทั้งหมดไปเพื่อเสนองาน และเมื่อเริ่มก่อสร้าง จะต้องมีรายการเบิกจ่าย ทำให้ต้องมีผู้ควบคุมงานอยู่ตลอดเวลาว่ามีอะไรเข้ามาบ้าง เช่น วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือเป็นไปตามแบบหรือไม่ โดยวิศวกรควบคุมงาน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายชัยฤทธิ์ มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ระดับภาคีวิศวกร สาขาโยธา บัตรหมดอายุ 20 ก.ย. 2571 โดยเป็นวิศวกรอยู่ในบริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด มากกว่า 10 ปีแล้ว นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า จากการเข้าค้นวันนี้ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สามารถรวบรวมรายชื่อวิศวกรควบคุมงานในนามกิจการร่วมค้า PKW จำนวน 51 ราย เพื่อนำไปขยายผลตรวจสอบต่อไป เนื่องด้วยในแต่ละงาน อาจมีการว่าจ้างฟรีแลนซ์ เพราะค่าจ้างวิศวกรค่อนข้างสูง.