เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าผลการสอบสวน กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ต.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา ผู้บังคับการสถายันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ (ผบก.นต.รพ.ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พล.ต.ท.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เข้าร่วม 

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ว่า วันนี้ได้ติดตามความคืบหน้าตึก สตง. ถล่ม ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงความคืบหน้า ซึ่งพอได้คุยในรายละเอียดทุกอย่างแล้ว ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพิ่มเติมมากกว่านี้ เพราะยังมีในเรื่องเอกสารหลักฐานสำคัญ ที่ขอความร่วมมือไป แต่ยังได้รับความร่วมมือค่อนข้างช้า เพราะเรื่องนี้ความจริงแล้วรอไม่ได้ เราต้องหาหลักฐานและเหตุผลให้ครบ เพื่อจะได้มีข้อมูลที่รับผิดชอบต่อชีวิตที่เสียไปด้วย ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารทั้งหมดจาก สตง. รวมถึงการรายงานผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ตรวจสอบว่ามีการผิดสัญญาแต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาในเวลาที่กำหนดตั้งแต่เดือนมกราคม 68 แต่ได้มีการร้องขอเรื่องการยกเลิกสัญญา เพราะฉะนั้นจะต้องขอดูในเรื่องของเอกสารเพิ่มเติมตรงนี้

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงผลกระทบจากแผ่นดินไหว ว่า กทม. ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ ที่ก่อให้เกิดเหตุตึกถล่ม ซึ่งเหล่านี้เป็นเอกสารที่อยากจะขอความร่วมมือ จากนี้จะมีการขอความร่วมมือจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งมีหน่วยงานในกำกับ ดูแลมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างในการดูคุณภาพวัสดุก่อสร้าง เพื่อชี้วัดและมีอำนาจในการบอกเลิกสัญญา ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหน่วยงานที่ร่วมตรวจรับการออกแบบการก่อสร้างและการตรวจรับงาน ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในความเสียหายนี้ ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องของกรมโยธาธิการ ที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง. ที่ผ่านมาควรแยกออกจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนดังกล่าวด้วย 

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ แต่ละหน่วยงานควรคัดกรองบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุดังกล่าวออกจากคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เพื่อไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกับเรื่องมาตรฐานของเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงคุณภาพของปูนที่ไม่ได้มาตรฐานและการแก้ไขแบบ ที่มีการแก้ไขแบบผนังรับแรงเฉือนจากแรงลมในอาคารสูง (Core Wall) และการแก้ไขแบบปล่องลิฟต์ ที่เป็นจุดศูนย์กลางของตึกโดยไม่มีการเสริมเหล็ก ทำให้เกิดความเสี่ยงของอาคาร รวมถึงการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและการฮั้วประมูล ขอฝากสื่อมวลชนช่วยสื่อสารตรงนี้ต่อไปด้วย และแน่นอนว่าตนจะต้องเน้นย้ำเรื่องนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง 

“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเรื่องนี้ รัฐบาลไม่ได้ปล่อยมือเลย และไม่มีแพลนว่าจะปล่อยด้วย ในส่วนตัวของดิฉันเอง ดิฉันรับเรื่องนี้ไม่ได้กับการที่จะมีคนเสียชีวิต ไปด้วยเหตุผลที่มีตึกถล่ม 1 ตึก แต่เข้าใจได้อยู่แล้วถ้ามีแผ่นดินไหวเหมือนที่เมียนมา ที่แผ่นดินไหวกันทั้งหมดและรุนแรง มันห้ามไม่ได้ แต่อันนี้มีแค่ 1 ตึก ดิฉันพูดมาตั้งแต่วันแรก มีแค่ 1 ตึก และดิฉันติดตามเรื่องนี้อยู่อย่างจริงจัง” นายกฯ กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากจะสรุปอะไรในวันนี้ ต้องรอทางตำรวจหรือดีเอสไอ ที่จะช่วยหาหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ตนพูดไปก่อนจะโดนฟ้องร้องได้ ยืนยันว่าอีกไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกหมายจับ ใกล้มากแล้ว ซึ่งตนได้พูดคุยกับทางตำรวจแล้วว่า เมื่อมีหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับให้ออกได้เลย ย้ำว่าไม่นานจะเริ่มออกหมายจับ

นายกฯ ถก ‘ตำรวจ-ดีเอสไอ’ เตรียมออกหมายจับคนผิด เหตุตึก สตง. ถล่ม

เมื่อถามต่อว่า มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ว่าเหตุใดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล นายกฯ กล่าวว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้ข้อมูลเต็มที่ ต้องถูกตั้งข้อสังเกตอยู่แล้ว ตนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อจะได้ไม่เป็นข้อครหาของประชาชน ทั้งนี้ เราทำทุกอย่างตามหลักฐานที่มี และย้ำไปกับทางตำรวจว่าให้ทำเต็มที่ และจริงจัง

เมื่อถามต่อว่า สังคมตั้งคำถามจากเหตุการณ์นี้ อาจจะไม่มีใครรับผิดเลย นายกฯ รับปากได้หรือไม่ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะมีผู้รับผิด นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนผิดเลยในเรื่องนี้ มันทราบอยู่แล้วว่าต้องมีบางจุดที่ผิดไปจากทุกตึก มันชัดเจน การที่จะมีศูนย์คนที่ไม่ต้องรับผิดชอบเลย เป็นไปได้ยากมาก

เมื่อถามอีกว่า จะมีการย้ำไปยังหน่วยงานรัฐ ที่มีการจ้างงานขนาดใหญ่ให้ มีความรอบคอบมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องรอบคอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะตึกของหน่วยงานรัฐ แต่ทุกตึกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะเกี่ยวกับชีวิตประชาชนที่ต้องไปอยู่ในตึกทุกๆ วัน ฉะนั้น ทุกตึกต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อเกิดปัญหา เป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินคดี ตรวจสอบ และต้องทำให้ชัดเจน

เมื่อถามด้วยว่า มีประเด็นเกี่ยวกับการปลอมแปลงลายเซ็นของผู้ออกแบบ นายกฯ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า บางท่านแจ้งมาว่าลายเซ็นถูกปลอมแปลง ซึ่งต้องตรวจสอบว่ามีการปลอมแปลงจริงหรือไม่ ว่าลายเซ็นที่แท้จริงเป็นอย่างไร 

เมื่อถามถึงการปรับแก้ core wall ความหมายคือ ผนังรับแรงเฉือน (จากแรงลมในอาคารสูง) ทำให้กำแพงบางลง นายกฯ กล่าวว่า มีหลักฐานบางอย่างตามที่สื่อทราบ แต่ตนต้องขอข้อมูลให้ครบกว่านี้ ซึ่งตามที่สื่อรายงานก็เป็นอย่างนั้น แต่ในส่วนของผู้เซ็นรับนั้น ไม่แน่ใจว่าใครเซ็นบ้าง คงต้องให้ตำรวจตรวจสอบว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง.