เมื่อเวลา 15.55 น. วันที่ 19 เม.ย. นายกัน จอมพลัง พร้อมด้วยบุตรสาวของตายายผู้เสียหายคู่กรณีกับ นายมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช ผู้ขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรลำลูกกา เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยมี นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว พร้อมด้วยบุตรชาย นั่งรอญาติผู้เสียหายเพื่อทำการกราบขอโทษ
นายกัน จอมพลัง เปิดเผยว่า วันนี้ได้พาครอบครัวและพยานผู้เห็นเหตุการณ์มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเปิดโอกาสให้คู่กรณีที่ต้องการพบปะพูดคุยกับครอบครัวผู้บาดเจ็บได้มาเจอตามความต้องการ แต่ทางครอบครัวต้องการให้การพบปะเป็นไปอย่างเปิดเผย ต่อหน้าทุกคนและมีพยาน เนื่องจากทางครอบครัวและตนเองในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจ ยังมีหลายประเด็นที่ติดใจและต้องการสอบถาม เพื่อดูว่าคู่กรณีมีความสำนึกผิดจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการแสดงออกภายใต้แรงกดดัน

นายกัน กล่าวถึงกรณีที่คู่กรณีให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง โดยมีการกล่าวคำขอโทษและแสดงความรู้สึกผิด แต่กลับมีบางช่วงบางตอนที่ระบุว่าหากคุณตาจอดรถก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเป็นประมาทร่วม นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมการขับรถของนายพีชในคลิปเหตุการณ์ ที่มีการขับรถเอียงซ้ายขวาหลายครั้ง ซึ่งอาจมีเจตนาอื่นแอบแฝง
นายกัน ย้ำว่า สิ่งที่ต้องการในขณะนี้คือความรู้สึกผิดจากใจจริง และความรับผิดชอบต่อผู้เสียหายอย่างเต็มที่ รวมถึงการเยียวยาที่ชัดเจน ทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถยนต์ พร้อมยืนยันว่าจะดูแลครอบครัวผู้เสียหายอย่างเต็มที่ และเตือนหากมีใครเข้ามาแทรกแซงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนธรรมดาที่ไม่ใช่นามสกุลดัง โดยยกกรณีการปล่อยตัวชั่วคราวของนายพีชโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ ซึ่งตั้งคำถามถึงมาตรฐานเดียวกันในการปฏิบัติกับประชาชนทั่วไป
ด้าน น.ส.นุ๊ก บุตรสาวของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าการมาขอโทษในครั้งนี้ของคู่กรณีเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ เป็นผลมาจากแรงกดดันของสังคม และต้องการมาพบเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาคดีในการลดโทษ ซึ่งมองว่าเป็นการช่วยเหลือตัวเองมากกว่า โดยยังไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบที่ชัดเจนและจริงใจ ทำให้ยังไม่สามารถให้อภัยได้ เนื่องจากบิดามารดายังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และยังกังวลเรื่องความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ต่อมา ทีมงานของนายกัน จอมพลัง ได้เข้าไปพูดคุยกับ นายกฤษฎา หรือ นายกเบี้ยว และนายพีช ที่นั่งรออยู่ด้านใน โดยแจ้งว่าหากต้องการพบญาติผู้เสียหาย ก็ขอให้มาพบในที่เปิดเผย เพื่อแสดงความจริงใจ หากไม่ต้องการแสดงความจริงใจก็ไม่เป็นไร เนื่องจากไม่ได้มีการนัดหมาย

ในเวลาต่อมา นายกฤษฎา และ นายพีช ได้เดินออกมาจากห้องประจำวัน โดยมีนายกัน จอมพลัง และบุตรสาวของผู้บาดเจ็บยืนอยู่อีกฝั่งของบันได นายพีชถือพวงมาลัยสดเตรียมก้มกราบขออภัย แต่นายกัน จอมพลัง กล่าวว่า “เวลานี้น้องจะต้องสู้ด้วยตนเอง” ทำให้นายกฤษฎาโต้กลับทันทีว่า “คุณกัน ผมเข้าใจ ผมให้หมอแล้ว และเดี๋ยวยังไงก็ต้องไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้า เห็นใจผมบ้าง ผมเหนื่อยแล้วนะ” แต่นายกัน จอมพลัง สวนกลับว่า “ท่านต้องเห็นใจทางครอบครัวเขาบ้าง” ก่อนที่นายกฤษฎาจะบอกให้นายพีชลองก้มลงไปขอโทษ
อย่างไรก็ตาม นายกัน จอมพลัง ได้พาญาติของผู้เสียหายเดินออกไปทันที โดยกล่าวว่า “นี่เป็นการมัดมือชก ทางครอบครัวอยากได้ความจริงใจ ไม่ใช่มาเอาภาพที่จะเอาไปลดเอาไปเยียวยา” โดยที่นายพีชยังคงนั่งยองอยู่ที่จุดพักบันไดหน้า สภ.
นายพีช กล่าวด้วยน้ำเสียงสลดว่า “ตนเองขอโทษ พี่นุ๊ก พี่นิ๊ก และคุณลุง คุณป้าด้วยนะครับ ตนเองไม่มีเจตนาจะให้มันเป็นเช่นนี้ และเรื่องค่าเสียหายทั้งหมด ค่ารถ ค่าพยาบาล ตนเองรู้สึกผิดที่ทำให้คุณลุงคุณป้าเจ็บ ถ้าย้อนกลับไปเป็นครอบครัวผมหรือพ่อแม่ผม ผมก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน มาวันนี้ผมจะมาขอโทษและขอโอกาสสังคม เพื่อให้สังคมให้โอกาสตนเอง” ก่อนที่นายกฤษฎาจะดึงมือลูกชายกลับทันที
นายกัน จอมพลัง สรุปว่า การเผชิญหน้าในวันนี้ไม่ถือเป็นการเจรจาที่แท้จริง และตั้งคำถามถึงความจริงใจของคู่กรณี หากมีความตั้งใจจริง เหตุใดจึงไม่ตอบคำถามที่ครอบครัวผู้เสียหายต้องการทราบ การกระทำดังกล่าวอาจเป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อนำไปประกอบการลดโทษ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตถึงความล่าช้าในการเยียวยาผู้เสียหาย ทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถยนต์ ที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ