ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “สมบัติ บุญงามอนงค์” หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดประเด็นร้อนเกี่ยวกับ “ทราย สก๊อต” ที่ทำบทบาทหน้าที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมเผยที่เห็นการกระทำของเขา นั่นไม่ใช่บทบาทที่ปรึกษา แต่คือมนุษย์ที่หวงแหน และเจ็บปวดจากพฤติกรรมการท่องเที่ยว ที่ขาดความรับผิดชอบ โดยอ้างความเป็นธุรกิจในชุมชน แต่มันมีปัญหากับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การปะทะกันครั้งนี้ สนับสนุน “ทราย สก๊อต” สังคมต้องมีคนแบบนี้ เอาจริงๆ มันไม่ได้สุดโต่งอะไรเลย
โดย บก.ลายจุด ระบุข้อความว่า “การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในไทยไม่ใช่เขียวปี๋ แต่คือการสร้างสมดุลที่ถูกการทำลายล้าง ในนามของการใช้ประโยชย์จากธรรมชาติในระดับที่เกือบดำปี๋ การสัปทานป่าไม้ทำให้ภูมิอากาศ ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำหลาก เพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร จากประเทศส่งออกไม้มีค่า ตอนนี้เราเป็นประเทศนำเข้าไม้จากเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีไม้ให้ใช้แล้ว เราใช้ประโยชน์จากป่าโดยไม่ระมัดระวัง เราจุดไฟจนยับยั้งพัฒนาการของป่า เกิดไฟลุกลามในทุกปี จนกลายเป็นปัญหาต่อสุขภาพของคนในพื้ันที่ ด้วยเหตุผลวิถีชีวิตหรือแม้แต่อ้างเรื่องปากท้อง ความเป็นคนเล็กคนน้อย หรือความจำเป็นของการเกษตรอุตสาหกรรมที่พ่วงต่อไปถึง GDP ของประเทศ”

อีกทั้ง “เมื่อก่อนชาวประมงพื้นบ้านต้องสู้กับทุนใหญ่ ที่ใช้เรืออวนลากทำลายทั้งปลาตัวเล็ก และพื้นอวนลากทำลายหญ้าทะเลตามแนวชายฝั่ง เราปล่อยให้ระบบเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขายดิบขายดีในประเทศไทย เพราะโฆษณาว่าประหยัดน้ำมัน แต่ญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้ใช้ เพราะมันปล่อยมลพิษสูงกว่าจนไม่สามารถยอมรับได้ ชีวิตเล็กๆ ในทะเลที่เป็นห่วงโซ่พื้นฐาน ต้องอาศัยความสงบของธรรมชาติ เพื่อที่มันจะแพร่พันธุ์ขยายตัวไปพร้อมกับปะการัง ที่เสี่ยงฟอกขาวตายจากอุณภูมิของน้ำทะเลและจากอวน ขยะในทะเลรวมถึงกิจกรรมที่เรียกว่าการท่องเที่ยวทางทะเล ที่เรือที่ใช้น้ำมันและสมอที่ทิ้งตกใส่ประการัง เพื่อให้นักท่องเที่ยวโดดลงไปดำน้ำดูความสวยงามของปะการัง และปลาสวยงามบริเวณนั้น”
นอกจากนี้ “ครีมทาผิวกันแดดที่เป็นมีสาร ทำให้เกิดเป็นพิษต่อปะการังถูกละลายไปกับทะเล ที่มีความอ่อนไหวจนใกล้จะหมด จากที่มี 100% ตอนนี้เหลือไม่ถึง 20% ผมถามหน่อยว่าถ้าปะการังตายหมด เรือท่องเที่ยวจะพาคนลงไปดำน้ำดูขยะและปะการัง ที่หักและฟอกขาวตายหรือเปล่า มันสวยยังไงเหรอ แล้วตกลงใครไปด้วยกัน กรณีของ ทราย สก๊อต อาจดูเป็นความเกินๆ ในบางแง่มุม แต่นั่นยังสามารถอภิปรายกันได้ ส่วนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่อนุรักษ์นั้น เรายังมีอะไรที่ต้องมีการอภิปรายกันอีกหรือ”
อย่างไรก็ตาม “เราอาจพูดถึงความไม่เห็นด้วยในเรื่องพฤติกรรม และบทบาทหน้าที่ของตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยาน ที่เราเห็นการกระทำของเขา นั่นไม่ใช่บทบาทที่ปรึกษา แต่คือมนุษย์ที่หวงแหน และเจ็บปวดจากพฤติกรรมการท่องเที่ยว ที่ขาดความรับผิดชอบ โดยอ้างความเป็นธุรกิจในชุมชน แต่มันมีปัญหากับสิ่งแวดล้อมไง ดังนั้น การปะทะกันครั้งนี้ ผมยืนสนับสนุนทรายสก๊อต สังคมต้องมีคนแบบนี้ เอาจริงๆ มันไม่ได้สุดโต่งอะไรเลย มันเป็นเรื่องพื้นๆ หรือหลักการพื้นฐานในการดูแลพื้นที่อนุรักษ์ โคตรธรรมดาสามัญ ไปเรียกเขาว่าเป็นนักอนุรักษ์สุดโต่งได้อย่างไร เขาแค่ขอให้คุณท่องเที่ยวโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สุดโต่งยังไง”
ขอบคุณข้อมูล : สมบัติ บุญงามอนงค์