เมื่อวันที่ 22 เม.ย. พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายสวมเสื้อวินรถจักรยานยนต์สีแสด สวมหมวกกันน็อก ตระเวนชิงทรัพย์ในพื้นที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย. ว่า หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้สอบปากคำผู้เสียหาย ทั้งหญิงชาวไทย และหญิงชาวรัสเซีย ให้การตรงกันว่าในเวลาต่อเนื่องกันว่าขณะเดินอยู่ คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดด้านข้าง ชักอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่เอาทรัพย์สิน พร้อมตรวจสอบพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในเมืองพัทยา ทำให้ทราบตัวคนร้าย และขออนุมัติศาลออกหมายจับ และจับกุมได้แล้ว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจพัทยาได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างรวดเร็ว พบว่าคนร้ายเป็นชายไทย อายุ 30 ปี พฤติกรรมเป็นภัยสังคม ก่อเหตุอย่างอุกอาจ และเป็นคนที่ตำรวจกำลังติดตามจับตัวเนื่องจากมีหมายจับของศาล การตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับกุมในคดีอาญาอื่น ๆ เมื่อทราบตัวก็ติดตามคุมตัวได้ นำตัวมาสอบปากคำดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันท่วงที ส่วนหนึ่งเนื่องจากเมืองพัทยามีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก เสมือนมีสายตาของเจ้าหน้าที่จับจ้องระวังภัย หากมีเล็ดลอดก่อเหตุได้ เมื่อเกิดเหตุก็สามารถติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว

“คดีนี้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด คนร้ายรายนี้มีประวัติก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน และก่อเหตุอีกหลายคดี ถูกจับกุมหลายครั้ง แต่ไม่หลาบจำกลับมาก่อเหตุอีก ทำกับผู้หญิงและเด็ก อีกทั้งยังเป็นนักท่องเที่ยว ถือว่าทำลายภาพลักษณ์” ผบช.ภ.2 กล่าว และว่า กำชับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา ป้องกันเหตุ เร่งกวาดล้างผู้ต้องหาตามหมายจับ บุคคลที่มีพฤติกรรมอันตราย กวาดล้างอาวุธปืน สิ่งผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความอุ่นใจ และความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ว่าพัทยาเป็นเมืองปลอดภัย หากเกิดเหตุให้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมโดยเร็ว ทั้งนี้ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในตำรวจไทย เราพร้อมดูแลความปลอดภัยของทุกคน.