เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับคำร้องทุกข์ การถามปากคำผู้เสียหายหรือพยาน การไต่สวนมูลฟ้อง และการพิจารณาและการสืบพยานในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น คดีอนาจาร คดีข่มขืนกระทำชำเรา ฯลฯ หรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง เช่น คดีที่เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (ทำร้ายร่างกายบุคคลในครอบครัว ฯลฯ) เพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองพยานและผู้เสียหายที่อายุเกิน 18 ปีได้เช่นเดียวกับการคุ้มครองพยานและผู้เสียหายที่ใช้กับผู้ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี

นายคารม กล่าวอีกว่า โดยกำหนดให้การรับคำร้องทุกข์ การถามปากคำผู้เสียหายหรือพยาน ในคดีที่ผู้เสียหายหรือพยานในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศหรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง ต้องแยกกระทำเป็นส่วนสัด รวมถึงจัดให้บันทึกภาพและเสียงการถามปากคำภายใต้ความยินยอมของผู้เสียหายหรือพยาน กำหนดให้ศาลมีอำนาจในการจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงคำให้การของผู้เสียหายหรือพยานที่ได้บันทึกไว้ในขั้นสอบสวนหรือในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำเบิกความของพยานนั้นในชั้นพิจารณาของศาล (กรณีพยานหรือผู้เสียหายที่มีอายุเกิน 18 ปี ในชั้นการพิจารณาของศาล ยังคงมาปรากฏตัวต่อศาล แต่หากเป็นพยานหรือผู้เสียหายที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี อาจไม่มาศาลได้หากมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น ป่วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ตรี วรรคสี่) ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบในหลักการ