จากกรณีหญิงชาวต่างชาติที่เป็นดีไซเนอร์ได้ฉีด “Juvelook Volume” บริเวณรอบดวงตาจนทำให้ตาซ้ายของเธอบอด พร้อมแนะหากฉีดหัตถการต่างๆ รอบดวงตา ควรจะต้องศึกษาให้ดีและเลือกหมอให้ดี ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
สาวเล่าอุทาหรณ์ฉีด ‘Skin Juvelook Volume’ สุดท้ายกลับต้องสูญเสีย ‘ตาซ้าย’
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจ “SirirajDerm” ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมทั้งอธิบายปัญหาที่ทำให้สาวรายนี้เกิดภาวะอุดตันของแขนงหลอดเลือดจอตา หลังได้ไปฉีด “Juvelook Volume” พร้อมระบุข้อความว่า “กรณีศึกษาภาวะ BRAO หลังฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน มีรายงานผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้เกิดภาวะ Branch Retinal Artery Occlusion (BRAO) หรือ การอุดตันของแขนงหลอดเลือดจอตา หลังได้รับการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อเพิ่มวอลลุ่มบริเวณใบหน้า ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการฉีดสารเติมเต็มในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง”
นอกจากนี้ ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิด BRAO จะมีดังต่อไปนี้
เทคนิคการฉีด (Injection Technique)
1. การฉีดด้วยแรงดันสูงหรือในปริมาณมาก (bolus)
2. การดูดกลับก่อนฉีด (aspiration) ที่ไม่รัดกุม
3. การฉีดใน plane ที่อยู่ใกล้เส้นเลือดที่สำคัญ
ระดับความลึกของการฉีด (Injection Plane)
1. การฉีดลึกเกินไปในบริเวณที่มีเส้นเลือดหลัก เช่น glabella, nasolabial fold, tear trough, temple
2. เส้นเลือดบริเวณนี้มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจอตา เช่น supratrochlear artery, angular artery ซึ่งสามารถนำสารเข้าสู่ระบบจอตาได้

การเลือกใช้อุปกรณ์ (เข็มแหลม vs. แคนูลา)
1. เข็มแหลมมีความแม่นยำสูง แต่มีความเสี่ยงทะลุเส้นเลือดโดยตรง
2. แคนูลา (blunt cannula) อาจลดความเสี่ยงบางตำแหน่ง แต่ก็ต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องและทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. สารกระตุ้นคอลลาเจนบางชนิดมีลักษณะหนืดสูง หรืออาจมีส่วนประกอบของ HA ร่วมด้วย จึงอาจต้องใช้เข็มขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเพิ่มแรงดันในการฉีด
ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีด อันนี้สำคัญมากๆ
1. ความเข้าใจในโครงสร้างกายวิภาคใบหน้า (facial anatomy) ตำแหน่งของเส้นเลือด
2. ประสบการณ์ในการเลือก plane และเทคนิคที่ปลอดภัย
3. การวางแผนและการตอบสนองต่อภาวะแทรกซ้อนอย่างทันท่วงที รีบแก้ไขภายใน Golden period

อย่างไรก็ตาม แนวทางการป้องกันจะมีดังต่อไปนี้
1.เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ที่มีประสบการณ์ในการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ HA filler โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง
2.ฉีดด้วยเทคนิค low pressure, low volume, และทำ aspiration ทุกครั้ง
3.ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการฉีดเข้าไปใน plane ที่อยู่ใกล้เส้นเลือดใหญ่
4.โรงพยาบาลหรือคลินิกควรที่จะต้องมีความพร้อมด้านยาและอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น hyaluronidase (หากใช้ร่วมกับ HA), ออกซิเจนแรงดันสูง, และแนวทางส่งต่อจักษุแพทย์ทันทีหากเกิดภาวะแทรกซ้อน เพราะฉะนั้น ทำในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐานก็จะมีความปลอดภัยมากกว่า
ขอบคุณข้อมูล : SirirajDerm