ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.เฉลิมวุฒิ วงษ์เวียงจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เป็นประธานประชุมถอดบทเรียนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน จากเหตุที่คนร้ายก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของร้านและเด็กเสิร์ฟเสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ อ.สามชุก เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.สามชุก พ.ต.ท.บุญญศักดิ์ ติ๊บมา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สามชุก พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ราศี รอง ผกก.สส.สภ.สามชุก พ.ต.ท.ธรณ์ธันย์ พิทักษ์วงศ์ สว.สส.สภ.สามชุก พ.ต.ท.วินัย เกิดบุญศรี สว.(สอบสวน) สภ.สามชุก พ.ต.ต.พรภัทร เชียงดา สว.(สอบสวน) สภ.สามชุก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวน สภ.สามชุก

การประชุมครั้งนี้ เพื่อถอดบทเรียนในการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวนจากเหตุที่คนร้ายก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของร้านและเด็กเสิร์ฟเสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดวันที่ 19 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 04.15 น. ที่ร้านมะขาม ในเขตพื้นที่ อ.สามชุก เพื่อนำข้อดีข้อบกพร่องมาแก้ไขปรับปรุงในส่วนที่ขาดไ ปนำมาเติมเต็มเพื่อบูรณาการในการสืบสวนอย่างมีระบบต่อไป

โดยให้ชุดสืบสวนได้บริหารจัดการในการแบ่งชุดสืบสวนสำหรับการสืบสวนพยานบุคคล หรือคนร้ายตามยุทธวิธีการสืบสวนนักสืบ 5G โดยนำเทคโนโลยี ไอทรู, ตารางเอกซ์เซล, สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, การติดตามบุคคลจากบัญชี Google โดยการเช็ก Email, เช็กเบอร์โทรศัพท์, ระบบ Crime Search/เส้นทางหลบหนีคนร้าย/Reicenplas/กล้องวงจรปิด/พยานบุคคล/บัญชีการใช้เงินของคนร้ายและการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ (พฐ.และวิทยาการ) มาประกอบในการสืบสวนพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล, วัตถุ, เอกสาร โดยให้มีลำดับการบริหารการจัดการแบบแบ่งเขตโซนพื้นที่, โซนบุคคล, โซนเอกสาร/วัตถุ ประสานบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและมอบหมายหน้าที่กำหนดบุคคลที่รับผิดชอบแต่ละงานที่แบ่งไว้ให้ชัดเจน และกำหนดกรอบระยะเวลาในการทำงาน

รวมทั้งให้สืบสวนข้อมูลกลุ่มแก๊งหรือลูกทีมของผู้ก่อเหตุที่ยังเหลืออยู่ โดยให้มีข้อมูลพยานหลักฐานให้ละเอียดเพียงพอสามารถขอหมายค้นศาลเพื่อตรวจค้นจับกุมสิ่งผิดกฎหมายต่อไป, สืบสวนเฝ้าระวังบุคคลกลุ่มเป้าหมายตามยุทธวิธีการสืบสวน ตามเส้นทาง, อาคาร, สถานที่ ที่กลุ่มคนร้ายมักจะไปรวมตัวกัน เพื่อติดตามจับกุมหรือสืบสวนป้องกันไม่ให้คนร้ายได้มีโอกาสในการก่อเหตุ เพื่อเป็นแนวทางสืบสวนเชิงรุกในการป้องกันการเกิดเหตุ และกำชับให้ฝ่ายสืบสวน ต้องประสานงานกับฝ่ายพนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้ข้อมูลการสืบสวนและสอบสวนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน