เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. และว่าที่ พ.ต.อ.ภาสกร นภาโชติ ผกก.1 บก.ปทส.ปรก.ฯ บก.ปอศ. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Operation Crypto Phantom” กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย โดยนำหมายศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 8 จุด ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ หลังมีพฤติกรรมรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะ “ชนมือ” กลับเป็นเงินบาท หรือนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลกับเงินสดนอกสถานที่และนอกระบบที่ได้รับอนุญาต

สำหรับจุดแรกเป็นอาคารพาณิชย์ หมู่ 10 ต.ฉลอง อ.เมืองจ.ภูเก็ต จุดที่สอง บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ริมถนนป่าสัก-โคกโตนด ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จุดที่สาม บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล หมู่ 5 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จุดที่สี่ อาคารพาณิชย์ ถนนผังเมืองสาย ก. ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ห้า บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จุดที่หกกับจุดที่เจ็ด เป็นบ้านพักย่านถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กทม. และจุดที่แปด บ้านพักย่านถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ซึ่งผลการตรวจค้นแต่ละจุด เจ้าหน้าที่พบคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร Hardware Wallet และเอกสารธุรกรรมจำนวนมากที่เกี่ยวข้อง จึงได้ยึดรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมควบคุมตัวผู้กระทำความผิดเบื้องต้น 5 ราย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และขบวนการค้ายาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนการอำพรางเส้นทางการเงิน โดยการทำธุรกรรมผ่านร้านแลกเปลี่ยนคริปโตที่ไม่ได้รับอนุญาตในไทย ก่อนถอนออกมาเป็นเงินสด ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในหลายมิติ ทั้งการสูญเสียรายได้ของรัฐ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ. ตรวจพบว่ามีเครือข่ายเปิดโต๊ะแลกคริปโตให้ลูกค้าชาวต่างชาติใช้เงินบาทแลกเหรียญดิจิทัล หรือแลก USDT กลับเป็นเงินบาท แบบไม่ผ่านระบบ Exchange ที่ได้รับอนุญาตนำไปสู่การฟอกเงิน จึงได้เปิดปฏิบัติการดังกล่าว

พบธุรกรรมมากกว่า 1,000 รายการ เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม และมีเงินหมุนเวียนรวมสูงถึง 425,104,595 USDT หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท เบื้องต้นดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาท ถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ และจะได้ตรวจสอบขยายผลความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินต่อไป.