นักวิชาการ ด้านเศรษฐกิจสังคม ระบุว่า การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้จะกินเวลาเพียงหนึ่งปี ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 ถึง 2 กันยายน 2567 แต่ผลงานที่เกิดขึ้นกลับมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม และเป็นที่รับรู้ในหมู่เกษตรกรว่า “จับต้องได้จริง” จนยังคงสร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่อง
โดยมีจุดเด่นของการขับเคลื่อนนโยบายสู่ผลสัมฤทธิ์ด้วยแนวคิดหลัก “ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตรสู่ความสำเร็จ” ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการข้อมูลผ่านศูนย์บริการ “พิรุณราช” การวางรากฐานเกษตรสมัยใหม่ การจัดการปัญหาภัยพิบัติ-หนี้สิน ตลอดจนการผลักดันแนวคิดเกษตรยั่งยืนที่สอดรับกับทิศทางโลก (BCG และ Carbon Credit) โดยสรุปได้เป็น 5 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
- สร้างรูปแบบการทำงานใหม่ที่เข้าถึงเกษตรกรจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนภาคเกษตร ทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้สะดวก ผลักดันแนวคิด “ครอบครัวเกษตร” ด้วยการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพ
พัฒนาสินค้าเกษตรให้พร้อมสู่ตลาด (MR: Market-Ready)
จุดเด่น คือเป็นการยกระดับการทำงานของภาครัฐให้ใกล้ชิดและตอบโจทย์เกษตรกรมากขึ้น พร้อมต่อยอดสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
- รับมือภัยธรรมชาติอย่างเป็นระบบ ฟื้นฟูพื้นที่เกษตรและวางระบบป้องกันภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง อย่างจริงจัง
จุดเด่น คือ สะท้อนถึงการใส่ใจต่อปัญหาเร่งด่วนที่กระทบเกษตรกรโดยตรงในแต่ละปี
- ยกระดับศักยภาพเกษตรกร ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ พัฒนาเกษตรคุณภาพ ลดต้นทุน เพิ่มอำนาจต่อรอง เชื่อมโยงเทคโนโลยีผ่าน Big Data ผลักดันสินค้าเกษตรสู่มูลค่าสูง จุดเด่นคือ เกษตรกรเปลี่ยนผ่านจากผู้ผลิตรายย่อย สู่ผู้ประกอบการที่มีข้อมูล เครือข่าย และความสามารถแข่งขัน
- ขับเคลื่อนเกษตรยั่งยืน รับเทรนด์โลก สนับสนุนเกษตรรักษ์สิ่งแวดล้อม (Go Green) ลดการใช้สารเคมี ใช้แนวทาง BCG และ Carbon Credit ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ จุดเด่นคือ เตรียมภาคเกษตรไทยให้พร้อมเข้าสู่ตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
- อำนวยความสะดวกและลดภาระเกษตรกร แก้หนี้สินเรื้อรัง
ลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ดี เครื่องจักรกลที่เหมาะสม และปรับโครงสร้างการผลิต
จุดเด่นคือ ตอบโจทย์ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคเกษตรไทยอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ จึงนับเป็นบริบทแห่งความท้าทายและแนวทางขับเคลื่อน ในยุคที่ภาคเกษตรต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งราคาผลผลิตตกต่ำ ภัยแล้งซ้ำซาก โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ทั่วถึง รวมถึงระบบราชการแบบไซโล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามาพร้อมเป้าหมายใหญ่ “เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าใน 4 ปี” ผ่าน 9 นโยบายหลัก และแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ขยายผล” โดยมีเกษตรกรเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง
หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนี้คือกรอบแนวคิด “5C” ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่นำไปสู่ความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:
5C แกนหลักของการขับเคลื่อน
- Context (บริบท)
เข้าใจพื้นที่ เข้าใจปัญหา ลงมือทำจริง ไม่ใช่เพียงสั่งงานจากส่วนกลาง - Content (เนื้อหานโยบาย)
เน้นนโยบายที่ตอบโจทย์ เช่น โซนนิ่งพืช ลดต้นทุนผ่านเทคโนโลยี และตลาดเฉพาะอย่างผลไม้ GAP - Connection (เครือข่ายทำงาน)
เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งราชการ ท้องถิ่น และการเมืองระดับพื้นที่ เพื่อผลักดันงานให้เกิดจริง - Communication (การสื่อสาร)
สื่อสารนโยบายอย่างโปร่งใส ต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรปรับตัวได้ทันกับนโยบาย - Collaboration (การบูรณาการ)
ทำงานแบบองค์รวม ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง รวมพลังจากทุกภาคส่วนโดยไม่ยึดติดโครงสร้างเดิม
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ” Smart & Hard” คือ ผู้นำที่ “ลงมือทำ” ไม่ใช่แค่สั่งการ ,ทำงานด้วยสไตล์ “Smart & Hard” คือ วางแผนอย่างชาญฉลาด และทำงานอย่างหนัก ,เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็ว ลดพิธีการทางการเมือง
นอกจากนี้ นักวิชาการ ยังระบุถึงข้อเสนอแนะเพื่อการต่อยอด ดังนี้
1.ควรมีระบบ ติดตามและประเมินผล (M&E) ที่ชัดเจน เพื่อวัดผลรายได้จริงของเกษตรกร
- พัฒนา เครือข่ายสถาบันเกษตรกร ให้เข้มแข็ง มีอำนาจต่อรองในระบบเศรษฐกิจ
- เสริมบทบาท ท้องถิ่นและภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและติดตามผล เพื่อความยั่งยืนระยะยาว
“การทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามปฏิรูประบบราชการแบบเดิม ให้กลายเป็นการทำงานที่เน้นพื้นที่จริง ปัญหาจริง และเกษตรกรจริง ผ่านกรอบคิด 5C ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ หากสามารถต่อยอดด้วยกลไกตรวจสอบและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ก็มีศักยภาพที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของภาคเกษตรไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืน”
*ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ธรรมนัส พรหมเผ่า