สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยแนวปะการังในมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอตแลนติก ต่างได้รับผลกระทบ

ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ปะการังที่มีสีสันสดใส กลายเป็นสีขาวซีดภายใต้ความเครียดจากความร้อน และมหาสมุทรของโลกอุ่นขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

แม้แนวปะการังสามารถฟื้นตัวจากการฟอกขาวได้ แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ช่วงเวลาของการฟื้นตัวสั้นลงเรื่อย ๆ เนื่องจากอุณหภูมิของมหาสมุทรยังคงสูงขึ้นเป็นเวลานาน

“สภาพแวดล้อมในบางภูมิภาค รุนแรงถึงขั้นทำให้ปะการังหลายสายพันธุ์ตาย หรือเกือบตายทั้งหมด” สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (โนอา) ระบุ

ขณะที่ โครงการริเริ่มแนวปะการังนานาชาติ (ไอซีอาร์ไอ) ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ระดับโลก ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า พื้นที่ปะการังที่มีชีวิต ลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1950 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส แนวปะการังทั่วโลกอาจหายไปประมาณ 70-90% ซึ่งถือเป็นหายนะสำหรับมนุษย์และโลก เนื่องจากแนวปะการังหล่อเลี้ยงชีวิตในทะเล และผู้คนหลายร้อยล้านคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนชายฝั่งทั่วโลก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES