เพราะความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานที่มีพื้นที่ป่าอนุรักษ์อีก 3 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระ เกียรติไทยประจัน และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่เชื่อมต่อเป็นป่าผืนเดียวกัน ทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี และแม่น้ำภาชี จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฐานะพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นกำเนิด รวมไปถึงการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่มีคุณค่าโดดเด่นเชิงวิทยาศาสตร์ หรือเชิงอนุรักษ์ระดับโลก

และนั่นจึงเป็นที่มาของเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ “อัศจรรย์สีสันบนผืนป่ามรดกโลกแก่งกระจาน” เส้นทางท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด Grand Moment จังหวัดเพชรบุรี ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าและแรงบันดาลใจ เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวพร้อมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว

เขาพะเนินทุ่งเดินทางท่องเที่ยวได้ 2 ส่วน ได้แก่ “จุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง กม.30” เป็นทุ่งหญ้าและป่าดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ทิวทัศน์สวยงามและอากาศสดชื่นเย็นสบาย โดยเฉพาะในช่วงตอนเช้าที่มีทะเลหมอก ซึ่งถือเป็นจุดชมทะเลหมอกใกล้กรุงเทพฯ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกำหนดเวลาในการใช้เส้นทาง โดยจะเปิดให้รถขึ้นเขาขาไป 2 ช่วง ได้แก่ เวลา 05.00-08.00 น. และเวลา 13.00-15.00 น. สำหรับขาลงมี 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงเวลา 09.00-11.30 น. และช่วงเวลา 16.00-17.00 น. เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ส่วน “ยอดเขาพะเนินทุ่ง” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติราว 50 กิโลเมตร ยอดเขาที่มีความสูงรองลงมาที่ 1,207 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง เป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะอากาศหนาวเย็นตลอดปี ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้าและป่าดิบเขา มีสัตว์ป่าชุกชุม ทิวทัศน์งดงาม จากยอดเขาสามารถเห็นทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว ถือเป็นจุดชมทะเลหมอกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวจึงมักมาตั้งแคมป์พักแรมเพื่อรอชมความสวยงามของธรรมชาติยามเช้า

การเดินทางขึ้นไปเที่ยวยอดเขาพะเนินทุ่ง มีทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะพักค้างแรม โดยมีบริการเต็นท์สำหรับพักแรมให้เช่าด้วย การเดินทางจำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนอาหารต้องนำขึ้นไปเอง การขึ้นเขาพะเนินทุ่งต้องติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เส้นทางจากแคมป์บ้านกร่าง-เขาพะเนินทุ่ง จะปิดในฤดูฝนระหว่าง 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม เพื่อให้ธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นตัว และเปิดให้ขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน-31 กรกฎาคมของทุกปี โดยอุทยานฯ มีบริการทั้งบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์
นอกจากชมวิวธรรมชาติที่เขาพะเนินทุ่งแล้ว ในพื้นที่แก่งกระจานยังมี “บ้านกร่างแคมป์” ซึ่งจะสวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปี และถือเป็นที่สุดของแกรนด์โมเมนต์ จังหวัดเพชรบุรีอีกแห่ง เพราะฝูงผีเสื้อนับหมื่นจะพากันบินโฉบไปรอบ ๆ ท่ามกลางผืนป่ามรดกโลกที่จะเวียนมาปีละครั้ง ว่ากันว่ามีผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 250 ชนิด เช่น ผีเสื้อหนอนจำปีจุดแยก ผีเสื้อตาลหนามใหญ่ ผีเสื้อช่างร่อน ผีเสื้อเหลืองหนาม ผีเสื้อหางติ่งปารีส เป็นต้น ช่วงเวลาที่เหมาะจะเป็นช่วงเช้าไปถึงเที่ยง โดยเฉพาะวันที่แดดดี ๆ จะเจอผีเสื้อเป็นจำนวนมากลงมากินดินโป่งในฤดูแล้ง
แคมป์บ้านกร่างอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นจุดเริ่มต้นปล่อยรถขึ้นไปบนพะเนินทุ่ง และเป็นจุดพักแรมกางเต็นท์ เพลิดเพลินกับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เป็นป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และสัตว์ป่านานาชนิด ความสะดวกสบายที่มีให้บริการตั้งแต่ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ ร้านค้าของทางอุทยาน ในบรรยากาศสงบร่มรื่น เหมาะกับคนที่อยากมาพักผ่อนหย่อนใจ เที่ยวชมธรรมชาติแบบชิลชิล อย่างการดูนกไปจนถึงดูผีเสื้อ
แล้วไปสัมผัสประสบการณ์ Must Seek ที่ชุมชน “บ้านบางกลอยและบ้านโป่งลึก” อีกหนึ่งความสวยงามของผืนป่ามรดกโลกที่ต้องมาค้นหาความหมาย กับสองชุมชนดินแดนปกาเกอะญอ หมู่บ้านแห่งแรกของต้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี ที่มีลำน้ำเพชรแยกออกเป็นสองฟากฝั่งและเชื่อมต่อกันด้วยสะพานแขวนที่ข้ามได้เฉพาะคนกับรถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เท่านั้น

แนะนำให้หาเวลาสัก 2 วัน 1 คืน เพื่อมาเที่ยวแบบ low carbon สไตล์แคมปิ้ง สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบของชาวปกาเกอะญอ ท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ลิ้มลองอาหารขันโตกที่มีเมนูน้ำพริกตาละเว ผักต้ม ปลาทอด และอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ต้องมาสัมผัสกับประสบการณ์แอดเวนเจอร์ล่องแพไม้ไผ่บนลำน้ำเพชรบุรี เพียงแค่ 30 นาที กับแก่งหินและสายน้ำใส ที่รับรองเลยว่าจะอดใจไม่กระโจนลงน้ำไม่ได้ ค่าใช้จ่ายล่องแพไม้ไผ่ 1 ลำ/3 คน พร้อมคนถ่อแพ เพียง 550 บาทเท่านั้น
การเดินทางสู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย ต้องทำการลงทะเบียนชำระค่าธรรมเนียมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก่อน และเดินทางจากศูนย์ฯ สู่ที่ทำการหน่วยด่านมะเร็ว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถนนลาดยางเพียง 20 กิโลเมตร และเดินทางต่อบนถนนภูเขาสลับลูกรัง 30 กิโลเมตร จะถึงหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย ใช้เวลาเดินทางรวมราว 3 ชั่วโมง แนะนำให้ใช้พาหนะรถยนต์ท้องถิ่นหรือรถกระบะยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ
สุดท้ายห้ามพลาดกับการชมความงดงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนแก่งกระจาน เนื้อที่ประมาณ 45 ตารางกิโลเมตร เกิดจากการสร้างเขื่อนดินกั้นแม่น้ำเพชรบุรีปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขาที่บริเวณเขาเจ้าและเขาไม้รวก ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมเป็นพื้นน้ำอาณาเขตกว้างขวาง มีเกาะกลางแม่น้ำอยู่มากมายหลายเกาะ ว่ากันว่าช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าหลังแนวขุนเขาตะนาวศรีนั้น ทะเลสาบแห่งนี้จะสวยงามมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือชมทิวทัศน์เพื่อพักผ่อนหรือตกปลาน้ำจืดในทะเลสาบ โดยสามารถเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ชาวไทย ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท รถยนต์ สี่ล้อ 30 บาท ติดต่อสำรองที่พักได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรฯ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแก่งกระจาน โทร. 0-3277-2311 หรือดูเพิ่มเติมที่ www.dnp.go.th
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรีชวนนักท่องเที่ยวร่วมสนุกกับกิจกรรม “ซัมเมอร์นี้ เพชรบุรีร้ายรัก ชวนกันมาให้หลงรักเพชรบุรี” เพียงจัดทำคอนเทนต์ “ชวนเธอคนดี มาดูผีเสื้อที่บ้านเรา แล้วพากันไปบอกรัก สารภาพให้เสียงดังฟังชัด ว่ารักไม่หลอก ทะเลหมอกเป็นพยาน” โพสต์ภาพหรือคอนเทนต์แหล่งท่องเที่ยวในเส้นทาง “อัศจรรย์สีสันบนผืนป่ามรดกโลกแก่งกระจาน” ลงในช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง พร้อมติดแฮชแท็ก #อัศจรรย์สีสันบนผืนป่ามรดกโลกแก่งกระจาน และแชร์มายังเพจ Facebook : ททท.สำนักงานเพชรบุรี ลุ้นรับทันทีของที่ระลึกเสื้อยืด Mac Collection จังหวัดเพชรบุรี ฟรี จาก ททท. สำนักงานเพชรบุรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 0-3247-1005-6.