หลังเกิดกระแสดรามา “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี นักอนุรักษ์ทะเล และที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาฟาดกับ “อรรถพล เจริญชันษา” อธิบดีกรมอุทยานฯ ปมขัดแย้งในเรื่องแนวทางการอนุรักษ์ทะเล

จนทำสังคมไทยโดยเฉพาะชาวโซเชียลลุกฮือขึ้นมารักทะเลภายในชั่วข้ามคืน เกิดแนวร่วมหนุนต้านทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งฟากนักอนุรักษ์หนุ่มและฝั่งเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ  แม้นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่เคยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่และชุมชน ผู้ประกอบการในพื้นที่มายาวนาน จะนำข้อมูลแนวทางการทำงานอนุรักษ์อีกด้านมานำเสนอ แต่ก็ดูจะไม่ได้ใจชาวโซเชียลเท่าไรนัก

ดรามาร้อนนี้ยังลามมาถึงฝั่งการเมือง เมื่อ นิติพล ผิวเหมาะ”  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดฉากอัดเจ้ากระทรวงทรัพยากรฯ โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ปัญหาที่ใหญ่กว่าดรามาทราย สก๊อต คือเรามีรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมที่โลกลืม แทบนึกไม่ออกว่าใครเป็นรัฐมนตรี เพราะมาด้วยดีลแลกผลประโยชน์ ไร้ความสามารถดูแลทรัพยากร ในเรื่องอุทยานฯทางทะเลไม่ยอมเร่งทำระบบ ‘อี-ทิคเก็ต’ให้มีประสิทธิภาพ  ทำให้เงินรั่วไหลมหาศาลอาจจะมากกว่าเงินรายได้ที่จัดเก็บได้ในแต่ละปี ที่สำคัญคือไร้บทบาทระดับชาติทั้งเรื่องปัญหาฝุ่นพิษข้ามแดน สารพิษ หรือการแก้ปลาหมอคางดำ

เดือนร้อนถึง พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่ง เจนจิรา รัตนเพียร” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงโต้พรรคประชาชนว่า เป็นการวิจารณ์ที่ขาดข้อเท็จจริง สะท้อนพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ในทางการเมือง เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.ทรัพยากรฯ ปฏิบัติหน้าที่ทั้งในสภาและเชิงนโยบายอย่างครบถ้วน การไม่ออกข่าว ไม่ได้แปลว่าไม่ทำงาน และการทำงานที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องออกมาโฆษณาตัวเองทุกวัน สิ่งที่ควรดูคือผลลัพธ์ ไม่ใช่ดูแค่โพสต์ หรือวาทกรรม

ต่อมา ลิซ่า” ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน ออกมาซัดอีกดอกว่าถ้ารมว.ทรัพยากรฯ มีผลงานจริงก็ขอให้ประชาสัมพันธ์ผลงานสักนิดหนึ่ง ให้ประชาชนได้รู้ว่าในสมการของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังมีประชาธิปัตย์อยู่ เข้าร่วมรัฐบาลด้วยการทำงาน มีผลงานจริงไม่ใช่เข้าร่วมเพราะต้องฉวยโอกาสสุดท้ายทางการเมืองในการเป็นรัฐบาล หมดยุคขายหล่อของประชาธิปัตย์แล้ว ยุทธศาสตร์ขายหล่อใช้ไม่ได้แล้ว

สุดท้าย เฉลิมชัย ออกมาแจงดรามานี้เองโดยเฉพาะประเด็นการทุจริตเงินรายได้อุทยานฯ ว่า  ตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี งานคืบหน้าที่สุด โดยกรมอุทยานฯ สามารถจัดเก็บรายได้ปี 2568 ประมาณการไว้ที่ 2,200 ล้านบาท ส่วนปีที่แล้วเก็บได้ 1,600-1,700 ล้านบาท ที่ผ่านมามีคนที่รู้บ้างไม่รู้บ้างเอามาพูดซึ่งตนไม่ได้ตอบโต้ เงินอุทยานฯ มีหลักการใช้ ไม่ได้เอามาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว เดือนหน้าจะมีการลงนามระบบอี-ทิกเก็ตเพิ่มเติม คาดจะทำให้รายได้อุทยานพุ่งถึง 4,000-5,000 ล้านบาท และพร้อมปรับเพิ่มสวัสดิการเจ้าหน้าที่หากเสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพลภาพสูงถึงล้านบาท

ทั้งนี้วิวาทะที่เกิดขึ้นอยู่ในจังหวะที่มีการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช ที่จะรู้ผลแพ้-ชนะกันในวันที่ 27 เม.ย.นี้  ซึ่งทั้ง 2 พรรคต่างส่งผู้สมัครลงชิงชัย โดยพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะอดีตขวัญใจชาวใต้ และพรรคประชาชนที่พยายามชิงมวลชนคนเคยรักประชาธิปัตย์ แต่เจ้าของพื้นที่ล่าสุดคือ “พรรคภูมิใจไทย” และมีพรรคกล้าธรรมเข้ามาเอี่ยวในรอบนี้ จึงต้องลุ้นกันว่าพรรคการเมืองใดที่จะอยู่ในสมการของประชาชนคนเมืองคอนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อชี้ให้รู้ทิศทางการเลือกตั้งในปี 70 ต่อไป.