เมื่อวันที่ 27 เม.ย.เมื่อเวลา 09.00 น.  ที่ดิ ไอเดิล โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จ.ปทุมธานี พรรคประชาชน ( ปชน.) ประชุมใหญ่สามัญประจำปี  “หัวหน้าเท้ง”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ว่า  สิ่งที่เราและประชาชนอยากเห็นอาจจะมีการปรับเปลี่ยน ครม.จริงๆ คือปรับเปลี่ยนเก้าอี้ด้วยความรู้ความสามารถ ดึงคนที่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง ไม่ควรที่จะปรับเปลี่ยนเก้าอี้ในลักษณะเจรจาผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพียงต้องการรักษาเสถียรภาพรัฐบาล

หัวหน้าเท้ง ตอบคำถามที่ว่า บางกลุ่มคาดหมายว่าในการเลือกตั้งรอบหน้าพรรคสีแดงก็จะมาจับมือกับพรรคสีส้มว่า ได้พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลแบบที่เป็นอยู่ พรรค ปชน.ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะไม่ได้นำประชาชนมาเป็นศูนย์กลางในสมการการตัดสินใจ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้เลย ทั้งนโยบายเรื่องปฏิรูปกองทัพ ทลายทุนผูกขาด และอีกหลายเรื่อง

“สิ่งที่เราสื่อสารมาโดยตลอด ว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจะสามารถรวมกับพวกเราได้ ก็อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น อาจจะต้องมีการสื่อสารอย่างชัดเจน ว่าการกระทำที่ผ่านมา เขาทำผิดต่อประชาชน  จริงๆ  แล้วไม่อยากให้มองว่าเงื่อนไขการจับกับไม่จับมือกับพรรคใด เป็นเงื่อนไขที่ ปชน.ตั้งขึ้นมาเองแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น จริงๆ พรรคอื่น ๆ ฝั่งอื่น ๆ ก็ตั้งเงื่อนไขกับเราเช่นเดียวกัน เป้าหมายเราไม่ใช่แค่ชนะการเลือกตั้ง แต่คือหาทางออกให้กับประเทศ ถ้าเราทำงานอย่างดีเพียงพอ ส่งผลถึงคะแนนในอนาคต และหากคะแนนถึงในการเลือกตั้งเราก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้”

ภายหลังการประชุมพรรค นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค แถลงว่า  เรายังขาดนโยบายอีกมากที่จะตอบสนองต่อประชาชนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ จึงยังต้องการพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ประสงค์จะมีส่วนร่วมจัดทำนโยบายร่วมกับเรา จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ขณะที่นายณัฐพงศ์ แถลงว่า พรรคต้องเตรียมนำเสนอนโยบายในอนาคต ประกอบด้วย 3 เสา คือการเมือง ปฏิรูประบบราชการ และเศรษฐกิจ ส่วนตัวมองว่าประชาชนเห็นความชัดเจนของพรรคมาโดยตลอด สิ่งสุดท้ายที่เชื่อว่าจะเป็นความหวังให้กับประชาชนได้คือนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประชาชนได้ ดังนั้น เราพร้อมที่จะเสนอตัวอาสามาทำงานในจุดนี้ และเตรียมสื่อสารนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อประชาชนต่อไป

หลังประชุม “เลขาติ่ง”ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค แถลงว่า  เรายังขาดนโยบายอีกมากที่จะตอบสนองต่อประชาชนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ  จึงยังต้องการพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ประสงค์จะมีส่วนร่วมจัดทำนโยบายร่วมกับเรา  ขอเชิญชวนทุกท่านที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง

หัวหน้าเท้งแถลงว่า นโยบายในอนาคต ประกอบด้วย 3 เสา คือการเมือง ปฏิรูประบบราชการ และเศรษฐกิจ  สิ่งสุดท้ายที่เชื่อว่าจะเป็นความหวังให้กับประชาชนได้คือนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประชาชนได้ ดังนั้น เราพร้อมที่จะเสนอตัวอาสามาทำงานในจุดนี้ และเตรียมสื่อสารนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อประชาชนต่อไป

สำหรับเรื่องการเจรจาภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ  เมื่อวันที่ 26 เม.ย. “อดีตนายกฯแม้ว”ทักษิณ ชินวัตร   ออกมาพูดว่าปัญหาหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือเรื่องความมั่นคง  หรือการที่ไทยฟ้องร้องคนอเมริกันอยู่ “ไหม”ศิริกัญญา ตันสกุล กล่าวว่า  ขณะนี้มีเรื่องจับกุม พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการที่ศึกษาด้านกองทัพ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ในความผิดตาม ป.อาญา ม.112  และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  อาจจะเป็นสิ่งทำให้เราไม่สามารถเดินหน้าเจรจาได้ตามปกติ

 “ดิฉันก็ขอขอบคุณ คุณทักษิณ ที่ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เสียดายนิดเดียวที่มันควรจะต้องเป็นคนของรัฐบาล  ไม่ทราบว่าการเปิดเผยนำไปสู่การแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร อยากให้คนในรัฐบาลที่อาจจะให้ข่าวนี้กับคุณทักษิณไป ได้ออกมายืนยันกับประชาชนอีกครั้งว่าเป็นเรื่องจริง  และก็เป็นเรื่องใหญ่  กรณีพอล แชมเบอร์ส ก็ยังมีแนวทางแก้ไขอยู่ คือการถอนฟ้อง ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลออกมาสื่อสารว่าจะแก้ไขอย่างไร ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ที่พรรคประชารัฐ ( พปชร. ) มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่มี “บิ๊กป้อม”ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ระบุจะมี สส.จากฝ่ายค้าน ไปร่วมกับพรรคกล้าธรรม เพิ่มได้มีการเช็กเสียงในพรรค พปชร.หรือไม่ ว่า “ไม่มีหรอก จะมีที่ไหนเล่า“ เมื่อถามย้ำว่า  ยืนยันว่าทุกคนยังอยู่กับ พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็เนี่ยเขามาประชุมทุกคน” เมื่อถามย้ำว่า ยังหวังกลับไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวเสียงดังว่า ”ไม่ร่วม“

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. ยังกล่าวถึงกรณีอดีตนายกฯแม้ว  พูดที่ จ.เชียงใหม่ว่าจะไม่ดึงพรรค พปชร.กลับมาร่วมรัฐบาลว่า “ดึงไม่ได้ก็เลยพูดแก้เกี้ยว”

แต่ “บรุ๊ค”ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประวิตรยืนยันไม่เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทยก็เป็นสิทธิ์ของเขา  แต่ท้ายที่สุด สส.เอง ก็มีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วย  ต้องให้ สส. พปชร.พูดคุยกันในพรรค ซึ่งพรรค พปชร. มีสส. 20 คน ก็พูดคุยกันให้สะเด็ดน้ำว่าจะมีใครบ้างที่อยากจะมาร่วมรัฐบาลตามข่าว  หรือใครจะไม่มา  เร็ววันนี้คงจะเริ่มชัดเจนขึ้น   

ผศ.ดร. นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล สำรวจเรื่อง เสถียรภาพของรัฐบาลในสายตาของประชาชน กลุ่มตัวอย่างจากทั่วประเทศ  1,148 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 24 – 26  เม.ย. พบว่า ประชาชน 71.7%  มีความสนใจข่าวสารเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลในระดับ มากถึงมากที่สุด 15.4% ระบุสนใจ ปานกลาง  12.9%  สนใจในระดับน้อยถึงไม่สนใจเลย เมื่อเปรียบเทียบกับข่าวด้านปัญหาค่าครองชีพ ค่าน้ำค่าไฟ และปากท้อง พบว่าประชาชนให้ความสนใจในระดับสูงกว่าที่ 85.2% ส่วน 10.4%  ระบุว่า สนใจ ปานกลาง และ 4.4%  ระบุว่า สนใจน้อย ถึงไม่สนใจเลย

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนเพียง  27.8% ที่ เชื่อมั่นในระดับมากถึงมากที่สุด 20.5% ระบุเชื่อมั่น ปานกลาง  ว่ารัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพได้   51.7%  เชื่อมั่นในระดับน้อยถึงไม่เลย  สะท้อนถึงความเปราะบางของภาพลักษณ์รัฐบาล  ประชาชนระมัดระวังต่อทิศทางของการเมืองในระยะสั้น

ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนเป็นห่วงการยุบพรรคการเมือง สูงสุดที่ 29.1% ตามมาด้วยคดีความทางการเมืองของนักการเมืองสำคัญ ที่  25.7%  และการยุบสภาที่  23.9%  กังวลกับการแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาล 21.5%  การลาออกของรัฐมนตรีสำคัญ 20.7% ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ชี้ให้เห็นว่าประชาชนจับตาอุบัติเหตุทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นชนวนจุดประกายให้เกิดความไม่แน่นอน และกระทบต่อทั้งความต่อเนื่องทางนโยบายและเศรษฐกิจของประเทศ

วันที่ 27 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ประกอบด้วย 4อำเภอ  ได้แก่  อ.ฉวาง  อ.พิปูน อ.ช้างกลาง  อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 110,000 คน มีหน่วยเลือกตั้ง 219 หน่วย ทั้งนี้ สามารถมาใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งได้ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างนายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ หรือบิ๊กโอ ผู้สมัครจากพรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นลูกเขยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ที่ลงสมัครแข่งขันด้วยในนามพรรคประชาธิปัตย์ ด้านพรรคภูมิใจไทยแชมป์เก่าได้ส่งนายไสว เลื่องสีนิล สามีนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ที่ถูกใบแดง ส่วนพรรค ปชน.ส่งนายณัฐกิตติ์ อยู่ด้วง ซึ่งอาจมีหวังหากพรรครัฐบาลตัดคะแนนกันเอง 

 ขณะที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล รายงานข่าวจากในพื้นที่แจ้งว่า คนที่มาแรงคือนายก้องเกียรติจากพรรคกล้าธรรม ซึ่งหวังได้ถึงชนะเลือกตั้ง 

เวลา 18.45 “ผู้กองนัส”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม แถลงแสดงความยินดีกับผลเลือกตั้งว่า “นายก้องเกียรติพร้อมทำหน้าที่ สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ขอขอบคุณทุกคะแนนที่ให้แก่ครอบครัวพรรคกล้าธรรม จากนี้ พวกเราพร้อมเดินหน้าพัฒนานครศรีธรรมราชให้เป็นเมืองหลวงภาคใต้ ส่งเสริมด้านต่างๆ เช่นการเกษตร พรรคกล้าธรรมปักธงที่นครศรีรรรมราชแล้ว นี่คือการเลือกตั้งสนามแรกในนามพรรคกล้าธรรม มีเวลาเตรียมตัวเพียงแค่ 40 กว่าวัน เราขอขอบคุณชาวนครศรีธรรมราชเขต 8 ทุกอำเภอ”

 ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเวลา 19.00 น. นายก้องเกียรติ มีคะแนนนำที่ 35,017 คะแนน ตามด้วยนายไสว เลื่องสีนิล คะแนน 26,058 คะแนน นายณัฐกิตติ์ อยู่ด้วง จากพรรค ปชน. 6,084 คะแนน และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ 3,774 คะแนน เรียกว่าลูกเขยนำพ่อตาแบบไม่เห็นฝุ่น

ปิดท้ายกันที่อดีตนายกฯแม้ว  ให้สัมภาษณ์กรณี (บิ๊กตู่ใหญ่) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันที่ 30 เม.ย. ศาลฎีการับฟังคำสั่งคำร้องนายทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจชั้น 14 หากจะตัดสินใจหนีก็ขอให้หนีตั้งแต่วันนี้ ว่า “บอกหนูรีเขานะ ให้หนูรีทำตัวดีๆ พูดจาดีๆ เผื่อจะได้ไปเป็นรองนายกฯกับเขาบ้าง”  

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยถูกทาบทามหรือมาขอเป็นรองนายกฯ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เคย แต่หลังจากนั้นก็โกรธกันมา ก็ไม่เป็นอะไร บอกให้หนูเขาใจเย็นๆ” เมื่อถามถึงความพร้อมในวันที่ 30 เม.ย.นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ต้องกังวลแทนผม”

อดีตนายกฯ แม้วยังโต้หัวหน้าเท้ง เรื่องเพื่อไทยจะจับมือ ปชน.ได้ต้องไปขอโทษประชาชนก่อน โดยกล่าวระหว่างการปราศรัยหาเสียงให้นายอัคนี บูรณุปกรณ์ สมัครนายกเทศมนตรีเมืองเชียงใหม่  ตอนหนึ่งว่า  “เขาบอกว่าพรรค ปชน.จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยได้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยออกมาขอโทษประชาชนที่เคยทำผิดกับประชาชน  เอาอะไรมาพูด ที่พรรค ปชน.ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเขาจะเอา 112 อยู่นั่น  

เมื่อปี 2562 ที่พรรค เพื่อไทยชนะมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐชนะเป็นอันดับสอง เราตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคเพื่อไทยจึงต้องมาเป็นฝ่ายค้านกับพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น  เขาก็ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ เพราะเขารู้ว่าเราชนะที่หนึ่งแต่รวมเสียงไม่ได้  แต่พอเขาชนะเป็นพรรคลำดับหนึ่ง เพื่อไทยให้โอกาส แต่รวมเสียงยังไงก็รวมไม่ได้ สว.ไม่เอา ใครก็ไม่เอา เป็นคนไม่มีเพื่อน แล้วมาโทษคนอื่น แบบนี้แหละเขายังเป็นละอ่อน ก็คิดแบบละอ่อน

บอกว่าจะมารวมกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ถามแล้วหรือยังว่าเราจะเอาหรือไม่ ยังไม่ได้บอกว่าเราจะเอามารวม แต่บอกว่าให้เราไปขอโทษประชาชน มันสึ่งตึง” ( ภาษาเหนือ แปลว่า โง่ งี่เง่า ) 

“ทีมข่าวการเมือง”