เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 เม.ย. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ “เดลินิวส์” ได้จัดงานเสวนา ‘Sustain Daily Talk 2025’ หัวข้อ ‘Sustainable Green Finance โอกาส และความท้าทาย’ ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน มีนายปารเมศ เหตระกูล นางสิริวรรณ พันธุ์ปรีชากิจ กรรมการบริหาร และน.ส.นลิน รุจิรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและการตลาด (EVP) เดลินิวส์

นอกจากนี้ยังมีเวทีเสวนา ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้นำองค์กรเอกชนที่มีประสบการณ์จริงร่วมแชร์ประสบการณ์ ในหัวข้อ “พร้อมมั้ยประเทศไทย? ตลาดเงินตลาดทุนสีเขียว” โดยนายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารความยั่งยืน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า สิ่งที่บริษัทต้องทำคือการปรับตัว จึงได้เริ่มสร้างโรดแม็พโดยสร้างศักยภาพควบคู่ไปกับการลดคาร์บอน โดยภายในปี 2030 ได้วางแผนว่าการลดคาร์บอน 25% ต้องใช้เงินเท่าไหร่ จากนั้นไปเชื่อมกับเทคโนโลยี โดยโรงงานที่ผลิตสินค้าต้องสร้างสินค้าใหม่ด้านนวัตกรรม เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แข่งขันด้านการลดต้นทุนได้ และทำอย่างไรให้ตลาดยอมรับโดยไม่ให้ผู้บริโภคถูกผลกระทบ

รวมทั้งเทคโนโลยีที่เรียกว่า Do Now ลงทุนได้ด้วยตนเอง คืนทุน ลดต้นทุน ปล่อยก๊าซน้อยลงด้วย และ Try Now ที่ติดตามเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนไป และสุดท้ายการใช้เงินสินเชื่อเป็นการขับเคลื่อน โดยเอสซีจีมีการกำหนดการใช้เงินว่าต้องปรับปรุงที่กระบวนการผลิตเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้เทคโนโลยีอะไร เงินที่จะลงทุนควรจะลงทุนช่วงไหนเหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจไปเดินต่อไปได้
ส่วนในเรื่องของความยั่งยืนนั้น บริบทโลกยังไงก็ต้องเปลี่ยนเพราะพลังงานที่สะสมและก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น ฉะนั้นในเรื่อง ทรัมป์ กังวลได้ แต่ยังไงก็ต้องผลักดันเรื่องอีเอสจี เพราะเทรนด์ไปทางด้านนั้น ซึ่งหากสามารถไปได้ก่อนก็จะมีโอกาส โดยบริษัทและประเทศต้องปิดความเสี่ยงเพื่อสร้างโอกาส และก่อนไทยไปเจรจากับทรัมป์ จะต้องเตรียมว่าจะเดินประเทศอย่างไร
“อย่างน้อยมองว่าเราหนีสินค้าคุณภาพจากตลาดที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันไม่ได้ สิ่งที่ต้องเตรียมตัวระยะสั้นคือ ต้องทำอะไรรองรับระยะต่อไปที่ทรัมป์มีนโยบายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และมีตลาดไหนบ้างที่กระทบ ตลาดไหนบ้างที่มีโอกาส ซึ่งมีหลายเรื่องมากที่เป็นโอกาสของประเทศไทย เช่น การท่องเที่ยว อาหาร เกษตร ซึ่งหากจะชูจุดเด่นประเทศด้วยท่องเที่ยว ก็จะต้องใช้อาหารและเกษตรที่ควรใช้ขนส่งเชื่องโยงเข้าด้วยกัน พร้อมใช้โอกาสในการดึงเทคโนโลยีเข้ามาสร้างเศรษฐกิจด้วยตัวเอง”