เมื่อวันที่ 28 เม.ย. นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ผวจ.ระนอง เป็นประธานปิดโครงการฝึกอบรมกีฬาเรือใบภาคฤดูร้อน ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 28 เม.ย. ณ หาดชาญดำริ โรงแรมจันทร์สม บีช รีสอร์ท โดยมีนางพรเพ็ญ ภูติเกียรติขจร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง นายสมโชค วงศ์ภิวัฒนา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระนอง และนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระนอง นายพรชัย เอี่ยมโสภณ รองประธานชมรมกีฬาเรือใบจังหวัดระนอง หัวหน้าส่วนราชการ กองทัพเรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เยาวชนอายุระหว่าง 7 -14 ปี จำนวน 40 คน เข้าร่วม
นายพรชัย เปิดเผยว่า การจัดโครงการดังกล่าวเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนในพื้นที่จ.ระนองได้เรียนรู้ทักษะการแล่นใบเบื้องต้นตามแนวทางพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยมีการฝึกอบรมในรูปแบบ “ลูกเสือเรือใบ” แบ่งเป็น 3 ฐาน ได้แก่ ฐานเรียนรู้ทฤษฎีในห้องเรียน ฐานฝึกปฏิบัติในทะเล และฐานฝึกดำรงชีพและเอาตัวรอดในทะเล ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของครูฝึกจากกองทัพเรือ และพี่เลี้ยงเยาวชนรุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬาเรือใบ
ด้านนายสุพจน์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับเยาวชนทั้ง 40 คน ที่ผ่านการอบรมและได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะกีฬาเรือใบอันเป็นเอกลักษณ์ของจ.ระนอง พร้อมทั้งขอบคุณชุดครูฝึก ทีมงานพี่เลี้ยง และทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณการุณ โฆษิตสกุล เจ้าของโรงแรมจันทร์สม บีช รีสอร์ท ที่เอื้อเฟื้อสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการฝึกอบรมและการแข่งขันเรือใบมาโดยตลอด
ผู้ว่าฯระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเยาวชนที่ผ่านการอบรมจะสามารถพัฒนาและต่อยอดทักษะจนก้าวขึ้นเป็นนักกีฬาเรือใบ และเป็นตัวแทนของจังหวัดระนองในการแข่งขันระดับต่างๆ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโตเป็นนักกีฬาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ทักษะและความรู้ที่ได้รับยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย และเนื่องจากจ.ระนองเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่สามารถจัดการฝึกอบรมกีฬาเรือใบได้ ขอให้เยาวชนทุกคนตระหนักถึงโอกาสอันดีนี้และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากนั้น ผู้ว่าฯระนอง ได้มอบเกียรติบัตรแก่เยาวชนที่ผ่านการอบรม พร้อมทั้งกล่าวปิดโครงการฝึกอบรมกีฬาเรือใบภาคฤดูร้อน ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความยินดีของผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างนักกีฬาเรือใบที่มีศักยภาพให้กับจ.ระนองต่อไปในอนาคต