สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ผู้นำสเปน กล่าวถึงสถานการณ์ไฟดับเป็นวงกว้างในประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ ว่าบริษัทการไฟฟ้าสเปน (อาร์อีอี) สามารถซ่อมแซมระบบได้แล้วมากกว่า 60% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้ยังคงเป็น “ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ” ตามที่มีการประกาศแล้ว และขอให้ทุกฝ่ายอย่าตั้งสมมุติฐานกันไปเอง


อย่างไรก็ตาม ผู้นำสเปนยังไม่สามารถกล่าวได้อย่างชัดเจน ว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ 100% ได้เมื่อใด แต่เปิดเผยว่า กระแสไฟฟ้า 15 กิกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งของพลังงานที่มีการใช้งานกันในประเทศเมื่อช่วงเกิดเหตุ “ขาดหายไปอย่างฉับพลัน ภายในระยะเวลเาพียง 5 วินาที” และยอมรับว่า “เศรษฐกิจของประเทศเสียหายมหาศาล”


ด้านนายกรัฐมนตรีลุยส์ มอนเตเนโกร ผู้นำโปรตุเกส กล่าวว่า สาเหตุของภาวะไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งโปรตุเกสได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากอยู่ติดกับสเปน “น่าจะมีสาเหตุจากในสเปนมากกว่า” อย่างไรก็ดี ทุกฝ่ายกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ และจะร่วมมือกับสเปนด้วย


ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า ยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งสเปนและโปรตุเกส เพื่อค้นหาสาเหตุของภาวะกระแสไฟฟ้าขัดข้องครั้งใหญ่


ส่วนนายคริสเตียน รูบี เลขาธิการยูโรอิเล็กทริก ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางของอุตสาหกรรมพลังงานในยุโรป สันนิษฐานว่า ต้นเหตุอาจมาจากความขัดข้องที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน เนื่องจากบางพื้นที่ของฝรั่งเศสและเบลเยียมได้รับผลกระทบด้วย


อนึ่ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยุโรปเผชิญกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือน พ.ย. 2549 เกิดเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในเยอรมนี ฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และสเปน ซึ่งเป็นผลจากระบบขัดข้องในเยอรมนี.

เครดิตภาพ : AFP