เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เปิดตัวกิจกรรมโรดโชว์และงานบริติชแฟร์ โดยเดินทางสู่ภาคใต้อย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 170 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างสหราชอาณาจักรกับไทย


โรดโชว์ภาคใต้เริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ต และจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมฉลองที่จะจัดขึ้นตลอดปีทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาคของไทย โดยแต่ละแห่งจะเน้นเรื่องราวความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร ในหลากหลายมิติ

นายมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่จากสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงที่ปรึกษาด้านเกษตรและและที่ปรึกษาด้านการค้า นำขบวนโรดโชว์ภาคใต้ครั้งนี้ มุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ด้านธุรกิจ การศึกษา การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การเกษตร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งโรดโชว์นี้ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “โลกของเรา : สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า ทะเล ธรรมชาติ ภูมิอากาศ เกษตรกรรม และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”


ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตได้เข้าพบกับนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อตอกย้ำความเร่งด่วนด้านความปลอดภัยในระดับชุมชน การลดอุบัติเหตุทางถนน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

หลังจากนั้น เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรยังได้เยี่ยมชม และเป็นประธานในพิธีเปิด ศูนย์นวัตกรรมแห่งใหม่ของโรงเรียนนานาชาติ บริติช ภูเก็ต ซึ่งนักเรียนได้แบ่งปันเรื่องราวความฝันและแรงบันดาลใจ เกี่ยวกับการเรียนรู้ที่เน้นการเตรียมตัวสู่โลกแห่งอนาคตอย่างสร้างสรรค์

นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรเยี่ยมชมโครงการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (Smart EV Bus) ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างของภูเก็ต ในการเป็นผู้นำด้านการคมนาคมพลังสะอาด ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรและประเทศไทย มีความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด ความยั่งยืน และการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ “PACT – Partnering for Accelerated Climate Transition” เพื่อขับเคลื่อนโครงการลดคาร์บอนและถ่ายทอดความรู้

เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า “โรดโชว์ครั้งนี้ เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างประชาชนของสหราชอาณาจักรและประเทศไทย ทั้งในภาคใต้ และทั่วประเทศ เราภูมิใจที่ได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือที่หลากหลายระหว่างทั้งสองประเทศตลอด 170 ปี ตั้งแต่ด้านการศึกษา นวัตกรรม ความยั่งยืน ไปจนถึงวัฒนธรรม”.

ขอขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย