ในวัย 101 ปี ดร.จอห์น ชาร์ฟเฟนเบิร์ก ยังคงขับรถได้เองเป็นยูทูบเบอร์ที่ได้รับความนิยมจากการนำเสนอเนื้อหาสาระเรื่องสุขภาพและเคล็ดลับการดูแลตัวเอง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งการชะลอวัยนี้เป็นศาสตราจารย์พิเศษที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยโลมาลินดาแห่งแคลิฟอร์เนีย เขายังคงเดินทางไปทั่วโลกเพื่อบรรยายเกี่ยวกับการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบง่ายๆ
“ช่วงเวลาในชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุด นั่นก็คือช่วงวัยกลางคน ตั้งแต่อายุ 40 ถึง 70 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่คุณจำเป็น (ต้องดูแลตัวเอง) เพราะเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่จะพักผ่อน มีเงินมากขึ้น ซื้ออาหารได้มากขึ้น นั่งเล่นมากขึ้น กินมากขึ้น … และนั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดี” ดร.ชาร์ฟเฟนเบิร์กอธิบาย
เขายังชี้ให้เห็นว่าโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนมีอายุสั้นลง และเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตทั่วโลก แต่กรณีส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
นายแพทย์วัยเกินร้อยปีคนนี้ได้เผยแพร่สาระกล่าวบนช่องยูทูบ เช่น ช่อง ‘Viva Longevity!’ ซึ่งมีผู้เข้าชมหลายล้านครั้ง ดร.ชาร์ฟเฟนเบิร์กกล่าวว่าผู้คนสามารถมีอายุยืนยาวขึ้นได้โดยปฏิบัติตามกฎการใช้ชีวิต 7 ข้อดังต่อไปนี้
1. งดสูบบุหรี่
นายแพทย์วัย 101 ปี ไม่เคยสูบบุหรี่ พฤติกรรมนี้ทำลายอวัยวะภายในส่วนใหญ่ของร่างกายและนำไปสู่โรคหลายโรคที่สามารถป้องกันได้ รวมทั้งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและพิการ
2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดร.ชาร์ฟเฟนเบิร์กไม่เคยดื่มเหล้า ซ้ำยังยืนยันว่าการดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้แค่ “เล็กๆ น้อยๆ” ไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เขากล่าวถึงผลการศึกษาบางฉบับที่ระบุว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณไม่มากอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ แต่ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น จึงไม่มี “ปริมาณที่ปลอดภัย” ในการดื่ม
3. หมั่นออกกำลังกาย
“แม้ว่าผมจะเป็นนักโภชนาการ แต่ผมคิดว่าการออกกำลังกายมีความสำคัญมากกว่าโภชนาการด้วยซ้ำ” ชาร์ฟเฟนเบิร์กกล่าว เขาสนับสนุนให้คนที่เข้าสู่วัยกลางคนหมั่นออกกำลังกายเป็นพิเศษ
นายแพทย์สูงวัยกล่าวว่าการเดินก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีอีกประเภทหนึ่ง และชี้ให้เห็นถึงการศึกษาวิจัยที่พบว่า ผู้ที่เดินมากกว่า 2 ไมล์ (ราว 3.2 กม.) ต่อวันมีอัตราการเสียชีวิตเพียงครึ่งเดียวของผู้ที่เดินในระยะทางสั้นกว่าต่อวัย
4. คุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
โรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง หนึ่งในเหตุผลที่ชาร์ฟเฟนเบิร์กเชื่อว่าเขาอายุยืนยาวกว่าพี่น้องของเขาก็คือ เขาทำ “ไอเอฟ” (IF : Intermitten Fasting) ซึ่งเป็นการกำหนดเวลากินและไม่กินอาหารเป็นช่วงๆ เขายังกินอาหารเพียง 2 มื้อต่อวัน คือ อาหารเช้าและอาหารกลางวัน และงดอาหารเย็น เขาจะหยุดกินอาหารในช่วงบ่ายและไม่กินอาหารอีกเลยจนถึงเวลา 06.30 น. ของเช้าวันถัดไป
ผลการศึกษาพบว่า การทำไอเอฟช่วยลดน้ำหนักได้ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

5. กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
ชาร์ฟเฟนเบิร์กเป็นสมาชิกของคริสตจักรเซเวนธ์เดย์แอดเวนติสต์ ซึ่งยึดถือการกินอาหารแบบมังสวิรัติเป็นหลัก เขาไม่ได้กินเนื้อสัตว์เลยตั้งแต่อายุ 20 ปีเป็นต้นมา แต่มังสวิรัติแบบที่เขากินนั้นจะเป็นไปตามหลักโภชนาการแบบแพลนต์-เบส (Plant-based diet) ซึ่งยังคงกินนมและไข่ร่วมด้วย
6. กินน้ำตาลให้น้อยลง
คนอเมริกันโดยเฉลี่ยกินน้ำตาลประมาณ 22 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ขณะที่สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาแนะนำให้ผู้หญิงกินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน และผู้ชายไม่เกิน 9 ช้อนชาต่อวัน
ชาร์ฟเฟนเบิร์กแนะนำว่าควรหาวิธีปรับเปลี่ยนสูตรอาหารเพื่อกินน้ำตาลให้น้อยลง หากต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี โดยทั่วไปน้ำตาลที่มีอยู่ในผลไม้สดตามธรรมชาติจะดีต่อสุขภาพมากกว่า เพราะมีสารอาหารอื่นๆ มากมายร่วมด้วย เช่น ไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ
7. กินไขมันอิ่มตัวให้น้อยลง
สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้รับประทานไขมันอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ 6 ของแคลอรีทั้งหมดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือการกินมังสวิรัติ ตามความเห็นของชาร์ฟเฟนเบิร์กซึ่งยืนยันตลอดมาว่า “อาหารที่ดีที่สุดคืออาหารมังสวิรัติ”
ที่มา : today.com
เครดิตภาพ : YouTube / Viva Longevity!