เมื่อวันที่ 2 พ.ค. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต. สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผบก.อก.บช สอท. พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รองผบก.ตอท.แถลงข่าวเปิดปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มเครือข่ายคอลเซนเตอร์ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา พร้อมอายัดเงินในบัญชี และนำเงินคืนผู้เสียหายตามโครงการ Money Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตำรวจได้ดำเนินการกวาดล้างกลุ่มคอลเซนเตอร์ในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งล่าสุดได้มีผู้เสียหายเป็นอดีตข้าราชการบำนาญ ซึ่งเกษียณอายุมากว่า 15 ปี ถูกมิจฉาชีพอ้างว่าโทรมาจากกรมวิชาการเกษตรหลอกให้โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบบำนาญตกทอดเกี่ยวกับสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล จากนั้นหลอกให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนใน LINE และสนทนาหลอกลวงจนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ก่อเหตุหลายครั้งต่อมาผู้เสียหายถูกบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอท. แจ้งว่าผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าให้ส่งเงินทั้งหมดที่มีอยู่มาตรวจสอบผู้เสียหายจึงโอนเงินไปรวมความเสียหายประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งกรณีนี้ ตำรวจสามารถดำเนินการอายัดเงินของผู้เสียหายได้ทัน 2 ล้านบาท ส่วนอีกกรณีพบผู้เสียหายอาชีพพนักงานบริษัทที่ต้องการหารายได้เสริมทางออนไลน์โดยการทำภารกิจเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ แต่ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินจำนวนหลายหมื่นบาท ซึ่งวิธีการหลอกคือกลุ่มมิจฉาชีพ อ้างว่าจะชวนลงทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ แต่จะต้องให้ผู้เสียหายชำระเงินค่าเสื้อผ้ากับเว็บไซต์ก่อน เป็นจำนวนเงินประมาณ 36,000 บาทและเมื่อทางเว็บไซต์ส่งสินค้าให้ลูกค้าแล้วลูกค้าจึงจะได้รับเงินคืนและจะเป็นเงินที่ได้กำไรจากเงินต้น จนภายหลังทราบว่าถูกหลอกเพราะไม่ได้รับเงินต้นคืนจึงแจ้งตำรวจ ซึ่งตำรวจสามารถอายัดเงินคืนได้ทัน 5,000 บาท เบื้องต้น ตำรวจได้นำเงินส่งคืนใหัผู้เสียหายทั้ง 2 คน ตามจำนวนที่สามารถอายัดมาได้

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ขณะนี้พฤติการณ์หลอกลวงของมิจฉาชีพ ปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ส่วนตัวจึงอยากแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อโอนเงินให้กับคนแปลกหน้า สำหรับฐานปฏิบัติการของกลุ่มมิจฉาชีพยังคงอยู่ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งหลังจากรัฐบาลมีการตัดอินเทอร์เน็ต และ ไฟฟ้า ก็ทำให้ในช่วงแรกกลุ่มมิจฉาชีพมีจำนวนลดลงแต่ขณะนี้ก็เริ่มพบว่า กลุ่มคอลเซนเตอร์กลับมาเพิ่มจำนวนขึ้นแต่ก็อยู่ในระดับเพดานที่ไม่สูงเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการปราบปรามทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ มีเพียงเงินจำนวนนี้เท่านั้นที่ผู้เสียหายตามข่าวได้รับคืน ยังไม่มีรายงานการคืนเงินให้ผู้เสียหายรายอื่นทั้งสิ้น ให้ระวังมิจฉาชีพนำข่าวไปใช้ในทางที่ผิด