สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า การขาดดุลการค้าโดยรวมของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% เป็น 140,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.58 ล้านล้านบาท) ในเดือน มี.ค. ซึ่งถือเป็นการขาดดุลที่กว้างที่สุด นับตั้งแต่ปี 2535

ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมช่วงเวลา 1 เดือน ก่อนที่ทรัมป์จะตั้งกำแพงภาษีที่สูงลิ่วกับจีน และลดการเรียกเก็บภาษีขั้นพื้นฐานเหลือ 10% สำหรับสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังกำหนดภาษีที่สูงขึ้นกับคู่ค้าอีกหลายสิบราย และระงับไว้จนถึงเดือน ก.ค. เพื่อทำให้สหรัฐมีเวลาเจรจาข้อตกลงการค้าที่มีอยู่ใหม่

ตามผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจัดทำโดย “ดาว โจนส์ นิวส์ไวร์ส” และ “เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล” การขาดดุลในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา สูงกว่าค่าประมาณเฉลี่ยที่ 137,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.5 ล้านล้านบาท)

อนึ่ง การขาดดุลการค้าดังกล่าวเกิดจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น 4.4% เป็น 419,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13.6 ล้านล้านบาท) เนื่องจากผู้คนแห่ซื้อสินค้าก่อนมีการประกาศใช้มาตรการภาษีในวงกว้าง.

เครดิตภาพ : AFP