เมื่อวันที่ 8 พ.ค. การเตรียมตัวเที่ยวต่างประเทศ นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “ยา” ค่ะ! การพกยาที่จำเป็นติดตัวไว้ จะช่วยให้คุณรับมือกับอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ได้ทันท่วงที ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อยาในต่างแดน แถมยังมั่นใจได้ว่ามียาที่คุ้นเคยและเหมาะสมกับตัวเอง
โดยทางเพจ แจกพิกัด รวบรวม 10 ยาที่ควรพกไปต่างประเทศ พร้อมเหตุผลและข้อควรรู้ เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่น ปลอดภัย ห่างไกลความกังวลเรื่องสุขภาพค่ะ!
1. ยาแก้ปวด-ลดไข้ (เช่น พาราเซตามอล)
เหตุผล: บรรเทาอาการปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีไข้ขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรืออาหารที่ไม่คุ้นเคย
ข้อควรรู้: สำคัญมาก! บางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เข้มงวดเรื่อง “ยาลดไข้ชนิดผสม” ที่มีส่วนผสมของโคเดอีน ห้ามนำเข้าเด็ดขาด! ควรเลือกพกพาราเซตามอลเดี่ยวๆ จะปลอดภัยกว่า
2. ยาแก้แพ้ (เช่น ลอราทาดีน, เซทิริซีน)
เหตุผล: รับมืออาการแพ้อาหารใหม่ๆ ฝุ่นละอองในอากาศที่แตกต่าง หรืออาการแพ้จากแมลงกัดต่อย
ข้อควรรู้: บางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ห้ามนำยาแก้แพ้บางชนิดที่ทำให้ง่วงนอน โดยไม่มีใบสั่งแพทย์ ควรเลือกยาแก้แพ้ที่ไม่ทำให้ง่วง หรือพกใบสั่งแพทย์ติดตัวไปด้วย
3. ยาแก้ท้องเสีย (เช่น โลเพอราไมด์)
เหตุผล: ป้องกันและบรรเทาอาการท้องเสียที่อาจเกิดจากอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะระหว่างการเดินทาง
ข้อควรรู้: สหรัฐ และบางประเทศในยุโรป อนุญาตให้นำเข้าได้ แต่แนะนำให้พกในบรรจุภัณฑ์เดิมที่มีฉลากชัดเจน
4. ยาแก้เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน (เช่น ไดเมนไฮดริเนต)
เหตุผล: จำเป็นสำหรับผู้ที่มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ เมื่อต้องเดินทางด้วยยานพาหนะต่างๆ เป็นเวลานาน
ข้อควรรู้: ยาบางชนิดอาจมีฤทธิ์กดประสาท ห้ามนำเข้าในบางประเทศหากไม่มีใบรับรองแพทย์ ควรตรวจสอบกฎระเบียบของประเทศปลายทางก่อน
5. ยาแก้อักเสบสำหรับติดเชื้อเบา ๆ (เช่น อม็อกซีซิลิน)
เหตุผล: เผื่อรักษาอาการติดเชื้อเล็กน้อย เช่น คออักเสบ แผลติดเชื้อที่ไม่รุนแรง
ข้อควรรู้: ยาปฏิชีวนะในหลายประเทศ (ยุโรป, ออสเตรเลีย) ถือเป็นยาอันตราย ห้ามนำเข้าเกินความจำเป็น หรือไม่มีใบสั่งแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทางเพื่อขอใบสั่งแพทย์ (ถ้าจำเป็น) และพกในปริมาณที่เหมาะสมกับระยะเวลาเดินทาง
6. ยาหยอดตา (เช่น น้ำตาเทียม, ยาลดอาการตาแดง)
เหตุผล: บรรเทาอาการตาแห้งจากการอยู่ในห้องแอร์นานๆ หรืออาการระคายเคืองจากฝุ่นละอองในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
ข้อควรรู้: ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์บางชนิด ต้องมีใบรับรองแพทย์ หากนำเข้าไปในประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวด
7. ยาดม ยาหม่อง (ชนิดอ่อน)
เหตุผล: ช่วยคลายเครียด บรรเทาอาการเวียนหัว และผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ข้อควรรู้: หลีกเลี่ยงยาหม่องที่มีส่วนผสมจากสัตว์ (เช่น พังพอน) เพราะบางประเทศ ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า
8. พลาสเตอร์ยา + เจลทาแก้แมลงกัดต่อย
เหตุผล: ป้องกันและรักษาบาดแผลเล็กน้อย รวมถึงบรรเทาอาการคันและบวมจากแมลงกัดต่อยกลางแจ้ง
ข้อควรรู้: บางสนามบินตรวจเข้มเจลหรือของเหลว ควรใส่ในถุงซิปล็อกใสตามขนาดที่กำหนด (ไม่เกิน 100 ml ต่อชิ้น)
9. ยาประจำตัว (สำหรับโรคประจำตัว เช่น ความดัน, เบาหวาน, หอบหืด)
เหตุผล: สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องพกยาในปริมาณที่เพียงพอตลอดการเดินทาง
ข้อควรรู้: ต้องพกพร้อมใบสั่งแพทย์ หรือ Medical Certificate ที่เป็นภาษาอังกฤษ ระบุชื่อโรค ชื่อยา ขนาดยา และความถี่ในการใช้ยา บางประเทศห้ามนำยาควบคุมพิเศษ เช่น ยาลดความดันที่มีส่วนผสมบางอย่าง หากไม่มีใบรับรองเป็นภาษาอังกฤษ ควรตรวจสอบกฎระเบียบของประเทศปลายทางอย่างละเอียด
10. ยานอนหลับอ่อน ๆ (ในกรณีจำเป็นเท่านั้น)
เหตุผล: เผื่อช่วยปรับเวลานอนตาม Time Zone ที่แตกต่าง หรือในกรณีที่ต้องเดินทางด้วยเที่ยวบินระยะยาวและนอนหลับยาก
ข้อควรรู้: หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ห้ามนำยานอนหลับที่มีสารควบคุมเข้าประเทศโดยไม่มีใบอนุญาต อาจถูกดำเนินคดีได้ทันที! ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอใบสั่งแพทย์และตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางอย่างเคร่งครัด
ข้อแนะนำเพิ่มเติม:
พกยาในบรรจุภัณฑ์เดิม ที่มีฉลากชื่อยาและรายละเอียดชัดเจน
แยกยาออกจากกระเป๋าเดินทางหลัก และเก็บไว้ในกระเป๋าถือ เผื่อกรณีสัมภาระสูญหาย
ถ่ายสำเนาใบสั่งแพทย์ เก็บไว้อีกที่ เผื่อกรณีฉบับจริงสูญหาย
ตรวจสอบกฎระเบียบการนำเข้ายาของประเทศปลายทาง ก่อนเดินทางทุกครั้ง สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์สถานทูตหรือกระทรวงสาธารณสุขของประเทศนั้นๆ
ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการพกยาไปต่างประเทศ
เตรียมพร้อมเรื่องยาให้ดี ทริปต่างประเทศของคุณก็จะสนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นค่ะ!
ขอบคุณเพจ แจกพิกัด