เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข แพทยสภานัดประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ซึ่งเป็นการประชุมประจำเดือนพฤษภาคม โดยหนึ่งวาระของการประชุมวันนี้ (8 พ.ค.) คือการนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งใช้เวลาในการประชุมกว่า 3 ชั่วโมง และออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเวลา 15.40 น.
โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่า ที่ประชุมกรรมการแพทยสภา ที่ 5/2568 มีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชน กรณีกล่าวโทษแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งที่ประชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คนในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังจากนี้จะนำเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รมว.สธ.เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ ดังนั้นทั้งหมดจึงต้องรอความเห็นจาก รมว.สาธารณสุขเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525
เมื่อถามว่าสาเหตุที่ตัดสินเช่นนี้เพราะอะไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับแพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือนนั้น เป็นความผิดที่ไม่ได้รุนแรงเนื่องจากเกี่ยวกับเรื่องการออกใบส่งตัว ส่วนแพทย์อีก 2 คน เป็นเรื่องการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
ต่อข้อถามถึงกรณีการให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริงหมายถึงอะไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลที่เราได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า มีภาวะวิกฤติเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปคือไม่ป่วยจริงใช่หรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนบอกได้แค่ว่าด้วยข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับนั้น ไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤติเกิดขึ้นตามที่มีการแถลงข่าว อยู่ที่การตีความ ดังนั้น วันนี้ที่เราไม่สามารถบอกว่าต้องพักใช้ใบอนุญาตนานเท่าไหร่ เพราะการจะพักใช้นานเท่าไหร่นั้น อยู่ที่ความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา หากเราให้ข้อมูลไปก่อนแล้วไม่ตรงกัน หรือมีความเห็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ต้องรอให้จบทุกขั้นตอนจึงจะบอกได้ว่าต้องพักใช้ใบประกอบวิชาชีพนานเท่าไหร่
เมื่อถามถึงรายละเอียดเอกสารที่ไม่สอดคล้องกับอาการป่วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เอกสารที่เราได้รับซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดแต่เท่าที่ได้รับมา มันเป็นแบบนั้น
เมื่อถามว่าเนื่องจากสังคมจับตาการทำงานของแพทยสภา มติที่ออกมาในวันนี้คิดว่าจะเรียกความเชื่อมั่น ศรัทธา เกียรติยศ และศักดิ์ศรีกลับคืนหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่างๆ เราไม่ได้สนใจปัจจัยภายนอก เราไม่ได้สนใจว่าคนไข้ท่านนี้คือใคร เราไม่ได้อิงปัจจัยภายนอก ไม่อย่างนั้น จะเกิดเป็นประเด็น ดังนั้น จากข้อมูลที่มีแบบนี้จึงสรุปออกมาแบบนี้ และขอให้รู้ว่า พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มีมติอย่างไรยังไม่สิ้นสุด คำสั่งยังออกไม่ได้จนกว่ารัฐมนตรี สธ. จะเห็นชอบ สรุปคือคำสั่งยังออกไม่ได้จนกว่ารัฐมนตรีจะเห็นชอบ
เมื่อถามว่าแพทย์ด้านไหนที่เข้าข่ายความผิดนี้ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นแพทย์เฉพาะทางและออร์โธปิดิกส์
เมื่อถามว่ามติดังกล่าวเป็นเอกฉันท์หรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า “มติที่ออกมาเป็นเสียงส่วนใหญ่มากๆๆๆ ก็แล้วกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงโทษแพทย์ 3 คนจากจำนวนที่ถูกร้องมาเท่าไหร่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ไม่ตอบคำถาม แต่ขึ้นลิฟต์เพื่อประชุมเรื่องอื่นต่อ.