เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ ในฐานะกิจการร่วมค้า และเป็นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. หลังเกิดเหตุอาคารถล่ม ว่า จริงๆ อยากจะพูดอะไรหลายๆ อย่าง แต่อยู่ระหว่างการสอบสวน จึงไม่อยากพูดอะไรที่ไปกระทบกับส่วนอื่นๆ ขอยืนยันว่า เราเป็นผู้รับเหมา เซ็นสัญญากับ สตง. แล้วทำงานตามแบบ ในกระบวนการของการทำงานก็มีการตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปใช้วัสดุอะไรที่ไม่ได้มาตรฐาน เอกสารที่บริษัท โดยกิจการร่วมค้ายื่นขออนุมัติจากทางผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจรับวัสดุ เราก็มีครบถ้วนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของเรา

เมื่อถามว่าการแก้ไขแบบแปลนการก่อสร้าง บริษัท อิตาเลียนไทยฯ รับรู้รับทราบด้วยหรือไม่ นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า ในฐานะที่เป็นผู้รับเหมา ก็ได้ทำตามสัญญาการก่อสร้าง และเมื่อมีการแก้ไขแบบซึ่งก็มาจากทางผู้ออกแบบ และเจ้าของงานที่มีความประสงค์จะแก้ไข ดังนั้นบริษัทฯ ก็จะต้องทำตาม เพราะเขามีคำแนะนำมาให้ บริษัทมีหลักฐานทุกอย่าง ส่วนถ้าถามว่ารู้หรือเปล่า เราอยู่ในหน่วยงานเราก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขาขอให้แก้ไขแบบ แล้วถ้าถามต่อว่า รู้หรือไม่ว่าแบบแข็งแรงหรือไม่ คือ ไม่ทราบ ต้องเข้าใจว่า ตึกนี้ 30 ชั้น ถ้าแก้ไขอะไรสักอย่างต้องไปพิจารณา วิเคราะห์ ตึกทั้งตึก เพราะฉะนั้นจะมาดูแบบกันเฉยๆ แล้วมาบอกว่าได้หรือไม่ได้ มันไม่ใช่หน้าที่ของผู้รับเหมาอยู่แล้ว และไม่มีความสามารถที่จะไปทำแบบนั้น
นายเกรียงศักดิ์ ย้ำว่า ที่ผ่านมาที่มีการแก้ไขแบบ ถึง 9 ครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่รับทราบ แต่รับทราบและรู้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมทุกครั้ง และมีหนังสือสั่งการให้บริษัทตนเองทำ พร้อมยกตัวอย่างว่า การแก้ไขแบบทุกครั้ง หากมีผลกระทบกับงบประมาณ เรื่องของการลดความหนาของผนังลิฟต์ เราก็ต้องทำเป็นงานลด ไม่ใช่เรื่องการฮั้วกันเพื่อลดงานแล้วผู้รับเหมาได้รับผลประโยชน์ตามที่เขียนข่าวกัน

เมื่อถามถึงการแก้ไขแบบ สตง. เป็นผู้ขอให้แก้ไขแบบหรือไม่ นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า ตนเองไม่ทราบ พร้อมชี้แจงว่า เมื่อได้รับแบบมาแล้ว แบบอาจจะเกิดความขัดแย้งกัน โดยโครงการนี้ มีแบบขัดแย้งกันจำนวนมาก เช่น แบบโครงสร้างไปขัดแย้งกับแบบงานสถาปัตยกรรม แบบสถาปัตยกรรมไปขัดแย้งกับงานระบบ และแบบงานระบบไปขัดแย้งกับงานตกแต่งภายใน ซึ่งในเรื่องของแบบขัดแย้ง ตนเองได้ออกเอกสารสอบถามไปถึง 700 ฉบับ เพื่อสอบถามไปยังผู้ควบคุมงานว่าจะให้บริษัทเราทำอย่างไร จะให้ทำตามแบบโครงสร้างหรือให้ทำตามแบบสถาปัตย์ เพราะตนเองทำไม่ได้ เนื่องจากแบบมันขัดแย้งกัน และถ้าตนเองทำตามแบบโครงสร้าง ก็ไปขัดแย้งกับแบบงานสถาปัตย์ ดังนั้นจึงต้องถาม ซึ่งเป็นหลักปกติที่จะต้องถาม เพราะทุกโครงการมีเรื่องแบบขัดแย้งกันอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีการแก้ไขปล่องลิฟต์ ล่าสุดมีการชี้แจงในที่ประชุมว่าอย่างไร นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า ตอนนั้นทางเดินระหว่างปล่องลิฟต์ มีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎหมาย ที่ประชุมจึงได้มีการสอบถามกันว่าควรทำอย่างไร และอาคาร สตง. เป็นตึกราชการ จึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อสร้างกับทาง กทม. แต่เป็นการแจ้งเพื่อทราบเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า แม้มีการแก้ไขแบบอยู่หลายครั้ง แต่ยังใช้สเปกวัสดุ ทั้งเหล็ก ปูน สเปกเดิม

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในความขัดแย้งกันยังมีหลายกรณี บางกรณีตรวจเจอก่อน ก็เขียนเอกสารไปสอบถาม หรือที่เรียกว่า เอกสาร RFI ซึ่งในส่วนของปล่องลิฟต์ บริษัทฯ ได้เขียนเอกสารไปสอบถามผู้ควบคุมงาน ซึ่งผู้ควบคุมงานก็นำไปปรึกษาในที่ประชุมของคณะกรรมการตรวจการจ้าง จากนั้นหนึ่งในคณะกรรมการเสนอว่า ประเด็นนี้ควรไปสอบถามผู้ออกแบบ ซึ่งทาง กิจการร่วมค้า PKW จึงได้สอบถามไปทางผู้ออกแบบ โดยทางผู้ออกแบบได้ให้ความเห็นมาว่าจะทำอย่างไร ก่อนส่งเรื่องกลับมาให้ทาง PKW แล้ว PKW ก็นำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมตรวจการจ้างอีกครั้ง หลังจากนั้น เมื่อที่ประชุมเห็นตรงกัน ว่าเอาตามที่ผู้ออกแบบเสนอมา ทาง PKW ก็จะส่งเรื่องมาให้บริษัทตนเอง เพื่อให้ดำเนินการตามที่เขาสั่งมา
ส่วนในที่ประชุมคณะกรรมการตรวจรับงาน มีการพูดคุยเรื่องความปลอดภัยหากมีการแก้ไขแบบหรือไม่ นายเกรียงศักดิ์ บอกว่า เรื่องนี้ตนเองอาจจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งจริงๆ แล้ว คนออกแบบเป็นคนดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่ หากผู้ออกแบบยืนยันว่าทำได้ ก็ดำเนินการตามนั้น พร้อมยืนยันว่า ขั้นตอนในการดำเนินการ เป็นไปอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน
ส่วนเรื่องของการปลอมลายเซ็น นายเกรียงศักดิ์ ยืนยันว่า บริษัทไม่รู้ เพราะตนเองไม่ได้มีหน้าที่ไปตรวจลายเซ็นใคร อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังถามประเด็นเรื่อง “เอกสารสอบถามไปถึง 700 ฉบับ เรื่องแบบแปลนมีความขัดแย้งกันนั้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่” แต่ผู้แทนบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ได้เข้ามาเพื่อจะพานายเกรียงศักดิ์ ไปมอบเงินเยียวยาให้กังครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเป็นจังหวะที่ นายเกรียงศักดิ์ ยังตอบคำถามไม่แล้วเสร็จ โดยมีการดึงแขนนายเกรียงศักดิ์ ออกจากวงสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนทันที แล้วอ้างว่ามีประชาชนรออยู่.