เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ สาขานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และกรรมการแพทยสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อธิบายถึงขั้นตอนหลังจากคณะกรรมการแพทยสภาส่งมติของคณะกรรมการแพทยสภาให้สภานายกพิเศษ (รมว.สาธารณสุข) แล้วจะเกิดอะไรขึ้น 1. อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า ที่คณะกรรมการแพทยสภาต้องส่งมติของที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาให้รมว.สาธารณสุขนั้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรมที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 มาตรา 25 ซึ่งมติเกี่ยวกับการวินิจฉัยชี้ขาดทางจริยธรรมก็คือ (4) ดังนั้นคดีจริยธรรมทุกรายที่แพทยสภาตัดสินต้องผ่านทั้งหมด และผ่านมานานแล้ว
2.ต่อมาเมื่อนายกแพทยสภาส่งมติให้รมว.สาธารณสุขแล้ว จะต้องดูตามมาตรา 25 วรรคสาม รมว.สาธารณสุขอาจมีคำสั่งยับยั้งมติได้ หรือถ้าไม่มีคำสั่งใดๆ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่รมว.สาธารณสุขได้รับมติ ให้ถือว่ารมว.สาธารณสุขให้ความเห็นชอบมตินั้น ดังนั้นขั้นถัดไปจึงมีสองกรณี คือกรณีเห็นชอบ แพทยสภาก็เอามติมาทำเป็นคำสั่งแพทยสภาได้เลย กับอีกกรณีไม่เห็นชอบ จะมีขั้นถัดไป แต่ใครบอกว่ารมว.สาธารณสุขไม่เคยไม่เห็นชอบ อันนี้ไม่จริง เพราะเคยมีมติที่รมว.สาธารณสุขไม่เห็นชอบอยู่
3. กรณีไม่เห็นชอบ หรือมีการยังยั้งมติจากรมว.สาธารณสุข ขั้นถัดไปคือคณะกรรมการแพทยสภาต้องพิจารณามติเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในที่ประชุม โดยหากต้องการยืนยันว่าจะดำเนินการตามมติเดิม จะต้องมีเสียงเห็นชอบจากกรรมการเป็นจำนวนสองในสามของกรรมการทั้งคณะ หรือคือปัจจุบันต้องมี 47 เสียง ถ้าได้ 47 เสียงเห็นชอบนี้แล้ว ก็จะทำเป็นคำสั่งแพทยสภาได้
4. คำสั่งแพทยสภาให้ลงโทษใดๆ หรือยกข้อกล่าวโทษ ถือว่าเป็นที่สุด แต่ปัจจุบัน เนื่องจากมีระบบศาลปกครอง คำสั่งแพทยสภาถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้เสียหายสามารถยื่นขอเพิกถอนคำสั่งได้ ก็ต้องให้ศาลปกครองพิจารณาต่อไป (มี 2 ขั้น = ศาลปกครอง กับศาลปกครองสูงสุด)
5. เหตุที่ยังเปิดเผยชื่อผู้ถูกลงโทษไม่ได้ เนื่องจากข้อมูลที่แพทยสภาแถลง ยังเป็นมติที่เพิ่งได้จากที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ยังถือว่าไม่สิ้นสุด ต้องรอทำเป็นคำสั่งหลังจากผ่านการเห็นชอบจากรมว.สาธารณสุขก่อน แล้วจึงจะเปิดเผยได้ โดยก่อนจะเปิดเผยก็ต้องขอมติคณะกรรมการแพทยสภาให้เปิดเผยด้วย ถึงจะถูกตามกฎหมาย.