นับเป็นอีกหนึ่งคนที่หลายคนต่างพากันอิจฉาในความสมบูรณ์แบบ สำหรับ “ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช” ที่ล่าสุดออกมาอัปเดตความน่ารักของลูกชาย “น้องกวิณท์” วัย 4 ขวบ และลูกสาว “น้องเรเน่” วัย 5 เดือน ที่หลายคนชื่นชมการเลี้ยงลูกฉบับทายาทหมื่นล้าน เลี้ยงแบบติดดินแบบสุดๆ พร้อมความรักกับคุณสามี “กรณ์ ณรงค์เดช” ต้องปิดเป็นความลับนาน 2 ปี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 โดยเธอเผยว่า

“เพิ่งผ่านวันเกิดคุณกรณ์เลยค่ะ ถามพี่กรณ์ว่าวันเกิดตัวเองอยากทำอะไรมั้ย เราจะจัดการให้ เขาบอกไม่อยากทำอะไรเลย อยากอยู่เฉยๆ อยากอยู่บ้าน ถ้าจะกินข้าวก็อยากกินข้าวกับครอบครัว ไม่อยากไปไหน ริต้าเลยรู้สึกว่าวันเกิดปีหนึ่งมีแค่ครั้งเดียว ไม่อยากให้โมเมนต์สำคัญแบบนี้มันผ่านไป เราก็เลยจัดเซอร์ไพร้ส์ทำอาหารที่เขาชอบ มีสั่งด้วย มีทำด้วย จัดดอกไม้ให้เขา มีลูกโป่งให้เขา เตรียมชุดให้เขา ให้เขาใส่ชุดนี้แล้วลงมาตอนเที่ยงนะ เพราะทั้งบ้านตอนนี้เหมือนไม่ค่อยสบายกัน ให้นอนกันยาวๆ เที่ยงแล้วมาเจอกันที่ห้องนี้ พอเขามาเห็นเขาก็น้ำตาแตกเลย เขาไม่ได้คาดหวังแบบนี้ เรเน่กับกวิณท์ก็โอ้โห เป็นงานมาก เรเน่ก็ยิ้มให้พ่อ กวิณท์ก็ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เท่านี้เขาก็มีความสุขมากๆ แล้ว เขาร้องไห้ฉ่ำเลยค่ะ ซึ่งของขวัญพิเศษที่มอบให้คุณสามี เราก็พูดกับเขานะคะอย่างพี่กรณ์มีทุกด้านแล้วในด้านวัตถุ มีครบหมดแล้ว เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราอยากให้เขา คือโมเมนต์สำคัญแบบนี้ คือครอบครัว ความสุขในทุกๆ วัน อวยพรให้เขาแข็งแรงทางด้านจิตใจค่ะ 

อีกบทบาทหนึ่ง บทบาทความเป็นแม่ลูกสอง ชีวิตมันเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่มีลูกคนแรก ตอนมีกวิณท์เราบอกได้เลยว่าชีวิตของเราไม่ใช่ของเราอีกแล้ว เราไม่เคยเข้าใจคำนี้เลย จนกระทั่งเรามีลูก และเรารู้ว่าชีวิตของเราเป็นของลูกไปแล้ว เราก็จะแคร์เขาที่สุด อยากเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด เหมือนเราอยากปั้นเด็กคนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราอยากใส่สิ่งดีๆ ไปให้เขา กว่าจะมีเรเน่ได้ก็ยากนะคะ ผ่านมาเกือบ 4 ปี พอเรเน่เกิดมาเขาเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมาก พี่กวิณท์ก็รักน้องมาก ริต้าไม่ได้ถ่ายทอดออกมาหมด แต่ก็พยายามถ่ายทอดออกมาว่า พี่กวิณท์เขาเอ็นดู และรักน้องเขามาก เขาจะช่วยแม่เลี้ยงน้องค่ะ เขาจะกอดจะหอมดูแลน้องตลอด เราก็ให้เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการเลี้ยงน้องด้วย มีจังหวะที่ริต้าอุ้มน้องแล้วเขาหวงแม่ เขาบอกว่าให้แด๊ดดี้เป็นคนอุ้มน้องได้มั้ย แล้วหม่ามี้เล่นกับกวิณท์ได้มั้ย มีช่วงแรกๆ เราก็จะบอกว่าเราเล่นไปด้วยกันได้ เราอุ้มลูกข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งก็เล่นไปด้วยกัน ให้เรเน่เอ็นจอยด้วย โชคดีที่เรเน่ยิ้มเก่ง เขาก็จะหัวเราะยิ้มไปกับพี่กวิณท์ กลายเป็นโมเมนต์เรา 4 คน เขาก็จะชินไปด้วย

ซึ่งพี่กับน้อง ความยากง่ายในการเลี้ยงต่างกันมากเลยค่ะ เลี้ยงง่ายทั้งคู่นะคะ แต่เรเน่เหมือนมาปุ๊บแล้วเรามีความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรมาแล้ว เรามีประสบการณ์มาแล้ว เราก็จะไม่ได้ตื่นเต้นตื่นตระหนกเหมือนคนแรก เราได้อ่านข้อมูล รีเสิร์ชข้อมูลมาแล้ว เราได้แชร์ข้อมูลกับเพื่อนๆ อะไรดีกับลูก อะไรไม่ดี พอเรเน่มาก็เข้าล็อกพอดีค่ะ เขามาห่างกันพอดี 4 ปีด้วย คือตอนรู้ว่าท้องลูกสาว กอดคอกันร้องไห้เลยค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ไม่มา จนเราไปหาหมอนี่แหละค่ะ เราก็เตรียมตัวแล้วว่าจะพึ่งทางวิทยาศาสตร์ มีการเก็บไข่ กระตุ้นไข่แล้ว แต่บังเอิญคุณกรณ์เชื่อเรื่องฤกษ์ ไปดูหมอ บอกว่าค่อยใส่ช่วงนี้ วันนี้นะ แต่มันยังไม่ถึงฤกษ์ค่ะ มาก่อนเลย (หัวเราะ) วิธีธรรมชาติค่ะ ออกมาหน้าเหมือนเขาเลย แต่อยากให้เหมือนริต้าบ้าง คุณกรณ์เคลมไปแล้วว่ากวิณท์เหมือนเขา (หัวเราะ)

คือเราเลี้ยงลูกง่ายๆ ชิลชิล สายลุย เราตั้งใจหรืออยากให้ลูกเป็นแบบนั้น จริงๆ ริต้าชอบแบบนั้นจริงๆ ริต้าเป็นเด็กที่รักธรรมชาติมาก ริต้าเป็นเด็กเดนมาร์ก อยู่ชานเมือง อยู่ชนบท เป็นเด็กต่างจังหวัดของเดนมาร์ก ทุกปีเราต้องกลับไปหาคุณพ่อ อยู่กับต้นไม้ใบหญ้า เราก็มีความผูกพัน เราชอบอยู่กับธรรมชาติ ตอนคบกับคุณกรณ์แรกๆ ก็ดึงเขามาเวย์นี้เยอะเหมือนกัน ซึ่งเราก็ส่งเขาเรียนเยอะมากค่ะ เรียนฟุตบอล เรียนทั้งวัน เข้าแคมป์ฟุตบอล เรียนว่ายน้ำ เขาก็ได้เหรียญได้อะไรมา เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจ พลังเขาเยอะ กลับมาเขาก็ยังเล่นได้อีก พลังเยอะมากจริงๆ ค่ะ พูดก็เพราะด้วย คือพูดเราก็สอนนะคะ บางทีเขาก็มีพูดไม่ค่อยเพราะบ้าง ไม่ได้มีหางเสียงคำว่าครับ เราก็บอกว่ากวิณท์พูดไม่เพราะเลย พูดบ่อยๆ จนเขาจำได้ว่าอยู่กับแม่ต้องพูดครับ ก็ฝึกให้เป็นวินัย ฝึกให้เป็นนิสัยค่ะ ถามว่าลูกดื้อมั้ย มีค่ะ เหมือนเด็กทุกคน ดื้อบ้าง ก็ดุเหมือนแม่ๆ ทุกคน (หัวเราะ) เขาก็ฟัง ริต้าว่าริต้าน่ากลัวนะ (หัวเราะ) สำหรับลูก เราก็น่ากลัวนะ ก็จะดุประมาณนี้ค่ะ เราพูดกันแบบมีเหตุผล ไม่เอานะ กวิณท์ แบบนี้ไม่น่ารักนะ เดี๋ยวไม่มีใครรักนะ เขาก็จะหยุดค่ะ”

ริต้าเผยต่อว่า “ส่วนช่วงเวลาสวีทของเรากับสามี เป็นคุณกรณ์เลย ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ก่อนมีลูกด้วยค่ะ บอกว่าถ้ามีลูกแล้วอย่าลืมชีวิตคู่ เรารู้เสมอว่าการมีลูกคือการเปลี่ยนบทบาทอีกบทบาทหนึ่ง เราไม่ได้เป็นคู่รักที่มีแต่ความรักความคลั่งไคล้กันแล้ว เราจะเปลี่ยนอีกบทบาท เราจะเป็นคุณแม่ เขาจะบอกเลยตั้งแต่แรก ว่าอย่าลืมที่เราจะมีแค่กันและกัน อย่างไปทานข้าว สวีทคู่กัน คุณกรณ์จัดทริปลูกแล้ว ก็จัดทริปไปกันสองคนด้วย เขาพูดเลยว่าอย่างน้อยปีหนึ่งต้องมีทริปด้วยกันที่เป็น 2 คน หนึ่งครั้ง บทบาทความเป็นแม่ จริงๆ แล้วมันหนักนะคะ มันเหมือนคอนซูมตลอด 24 ชม. การที่เรามีเวลาตรงนี้ 3-5 วัน เป็นบทบาทการเป็นคู่รัก ดูแลกันและกันแล้ว เหมือนได้พัก และแชร์เรื่องราวในชีวิตที่เขารู้สึกหรือเรารู้สึก และจะกลับไปพัฒนาลูกยังไง ก็จะเป็นโมเมนต์แบบนี้ ซึ่งไปกันสองคน มีความห่วงลูกมาก ไม่ไหวเลย ใจริต้าอยากเอาลูกไปด้วยทุกทริปเลย พูดตรงๆ นะ ไม่อยากห่างลูกเลย ไม่ไหวเลย แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาด้วยค่ะ ทำให้ได้ทั้งสองหน้าที่ด้วย ถามถึงความหวาน ริต้าว่าหวานกว่าเดิมนะคะ ชีวิตคู่เปลี่ยนไป เหมือนเราเป็นทีม เป็นพาร์ตเนอร์ที่ไม่ใช่แค่แฟน หรือคู่รักแล้ว เป็นคู่คิด เป็นความเข้าใจเป็นคู่ครอง เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพื่อน เป็นพี่ค่ะ

ย้อนกลับไปสมัยก่อนตอนคบกันใหม่ๆ เคยคบแล้วเลิกกันไป แล้วกลับมาคบกันอีกครั้ง ช่วงสองปีแรกเป็นความลับต้องปิด คือกับคุณกรณ์ ตอนเรากลับมาคบกันแรกๆ ความที่เราเคยคบกันแล้วตอนเด็กๆ ตอนนั้นริต้าอาจเด็กมากด้วยค่ะ อายุ 20 ต้นๆ ครั้งนี้เรารู้สึกโตมากแล้ว ถ้าคบครั้งนี้ เราไม่อยากเสียเวลากัน ถ้าใช่ก็คือใช่ ถ้าไม่ใช่ก็แยกย้ายเลย แล้วไม่อยากเป็นข่าว อยากปิดเป็นความลับ อยากให้เป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ แล้วโชว์ตัวตนของเรามากที่สุดเลย คุณกรณ์ตอนนั้น ณ เวลานั้นจะมีภาพเป็นคุณชายมากเลย เขาจะเนี้ยบมาก คุณชายมากๆ สิ่งที่เราคอนเซิร์นคือเขาจะเข้ากับเราได้มั้ย เราก็เป็นนักแสดงหนึ่งคนที่ลุยๆ ทโมนมากเลย เขาจะอยู่กับเราได้มั้ย จะกินก๋วยเตี๋ยวได้มั้ย มากองถ่ายแล้วเป็นยังไง สภาพอยู่ต่างจังหวัดยากๆ เขาจะอยู่ได้มั้ย ห้องน้ำห้องท่า เขาทำได้หมดเลย อาหารข้างทางเขาก็ทานได้ ทุกอย่างที่เป็นเรา เขารับได้ พอเขารับได้ เราก็รู้สึกว่าเขาอยู่กับเราได้ เขาไม่ได้เป็นคุณชายที่ต้องติดหรู อยู่สบายขนาดนั้น เขาอยู่แบบนี้ก็ทำได้ คราวนี้เราก็ปรับตัวฝั่งเรา ไปหรูๆ แบบนั้น เราก็สบายๆ อยู่แล้ว เราก็ทำได้ เขารับเราที่เป็นเราได้ ก็อยู่กันได้มาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ มันคือการรับตัวตนซึ่งกันและกันได้

ซึ่งความเนี้ยบกรณ์ เมื่อก่อนเขาสุดกว่านี้นะคะ ตอนนี้เขาดาวน์ลงมา เขาเป็นคนเป๊ะ เนี้ยบ เนี้ยบมากจนกวิณท์ได้ความเนี้ยบพ่อมาทุกอย่างเลย เสื้อกางเกงรองเท้าต้องเป๊ะไปหมด ถ้าไม่เป๊ะจะไม่ออกจากบ้าน แค่จะลงจากห้องนอนมาห้องนั่งเล่นยังเนี้ยบเลย คือทั้งบ้านคุณกรณ์เขาถูกเลี้ยงมาแบบนั้นค่ะ ไม่มีทางใส่ชุดนอนมานั่งห้องนั่งเล่น ออกจากห้องนอน ต้องเป็นชุดอยู่บ้านอีกชุดหนึ่ง พอริต้าไปอยู่ก็ต้องปรับตัวเอง แล้วตอนนั้นตอนรักกันไม่อยากเป็นข่าว ช่วงนั้นมีปาปารัสซีด้วย ยุคนี้อาจไม่เข้าใจ (หัวเราะ) เราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ ถ้าไปกินข้าวที่ไหนต้องไปรถคนละคัน เข้าห้องคนละห้อง ไปคนละไฟลต์บ้างเวลาไปต่างจังหวัด แล้วไปเจอกัน ชีวิตลำบากมากค่ะ พอมาพูดตอนนี้มันตลกตัวเองค่ะ แต่วันนั้นมันเหมือนเราไม่อยากเป็นข่าวจริงๆ อยากให้มั่นใจก่อน เรียนรู้กันจริงๆ ค่ะ มีปลอมตัวไม่ให้คนจำเราได้ มันเป็นยุคนั้น เด็กเดี๋ยวนี้อาจไม่เข้าใจ”

ทั้งนี้ ริต้าเผยถึงเรื่องงอนสามีแต่สามีดันดูไม่ออกว่า “เคยมีเหตุการณ์กรณ์ดูไม่ออก ว่าเคยงอนริต้าด้วย เป็นคนขี้งอนมาก งอนแล้วไม่ยอมพูด หมายถึงยุคแรกๆ นะคะ ตอนนี้ไม่ทะเลาะอะไรกันเลย เราเข้าใจกันไปหมดแล้ว แต่ช่วงแรกๆ ตอนเราคบหาดูใจกัน เขาจะขี้งอนเรามาก เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมงอนริต้าอีกแล้ว อย่างสมัยก่อนริต้าต้องถ่ายละครหรือถ่ายงาน ริต้าก็จะหายไปเลยทั้งวัน ไม่รับโทรศัพท์เขา เราสามารถหายไปเลยทั้งวันได้ เราเป็นคนที่ทำงานแล้วก็คอนเซนเทรทมาก จะโฟกัสมากกับบท กับหน้ากล้อง จะไม่เคยพกมือถือเลย จะตั้งใจท่องบท คอนเซนเทรทกับงานตรงหน้าเรามากๆ เราก็จะหายไปเลย บางทีดึกแล้ว เราก็คิดว่าเดี๋ยวค่อยโทรฯ กลับพรุ่งนี้ เขาก็รู้สึกว่าทำไมหายไปไหน ไม่รักเขาแล้วเหรอ เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาบอกว่าขอได้มั้ย ถ้าจะหายไป แค่ส่งข้อความมาบอกว่าจะเข้ากองแล้วนะ จะยุ่งจะตอบไม่ได้ การงอนกันทะเลาะกันก็ทำให้เราปรับกันด้วยว่าเขาเป็นคนแบบนี้นะ เขาคิดแบบนี้นะ เราจะได้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกค่ะ”