เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายจรูญ (สงวนนามสกุล) อายุ 72 ปี ชาวบ้านดงมะไฟ ต.ดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองสกลนคร ว่า ตนถูกชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของภาครัฐหน่วยงานหนึ่งพาไปถอนเงินในบัญชีธนาคารออกไป จำนวน 2,650,000 บาท โดยออกอุบายว่า ทรัพย์สินของตนเข้าข่ายผิดกฎหมายต้องทำการตรวจสอบ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจะดำเนินการคืนเงิน จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกเลยมาแจ้งความ

ภายหลัง พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผบก.ภ.จว.สกลนคร ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนจังหวัดร่วมกับ สภ.เมืองสกลนคร นำกำลังติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้ทราบชื่อ นายธรรมนูญ (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ชาว จ.พัทลุง อดีตข้าราชการวิศวกรโยธาและผังเมืองฯ จากการสอบสวนพบว่ามีพฤติกรรมหลอกให้ นายจรูญ ถอนเงินออกมาจากสหกรณ์แห่งหนึ่งจำนวน 1.9 ล้านบาท โดยให้อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าจะนำไปซื้อที่ดิน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา

จากนั้น ในวันที่ 7 พ.ค. ก็ไปถอนเงินจากธนาคารมาอีก 750,000 บาท (รวมทั้งหมด 2,650,000 บาท) ซึ่ง นายธรรมนูญ เอาเงินดังกล่าวไปฝากเข้าบัญชีของตัวเอง ก่อนโอนไปยังบุคคลอื่นอีก 3 บัญชี เหลือเงินติดในบัญชีตัวเองประมาณ 10,000 กว่าบาท ทั้งนี้ นายจรูญ พยายามสอบถามว่าจะคืนเงินอย่างไร อีกฝ่ายระบุว่า จะโอนคืนเป็นเช็คส่งมาให้ทางไปรษณีย์ประมาณ 1-2 วัน จึงเริ่มเอะใจเลยเข้าแจ้งความ
ทางตำรวจจึงซ้อนแผน โดยให้ผู้เสียหายแจ้งผู้ก่อเหตุว่ายังคงมีเงินติดบัญชีอยู่ ซึ่งอีกฝ่ายพยายามหลอกให้ถอนเงินมาให้อีก และนัดมาที่หน้าธนาคาร เมื่อมาถึง นายธรรมนูญ ก็ถูกรวบตัวในทันที เบื้องต้น เจ้าตัวให้การภาคเสธอ้างว่าไม่รู้เรื่อง แต่เพราะมีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจน ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ฉ้อโกง และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ฯ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.ท.ภาศ สุวรรณ์ รักษาราชการแทน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสกลนคร กล่าวว่า สำหรับ นายธรรมนูญ เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการทุจริตจนถูกศาลพิพากษาลงโทษมาแล้ว จึงอยากฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า นอกจากกลโกงเดิมที่ใช้วิธีการโทรศัพท์พูดคุยหลอกให้โอนเงิน ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้วิธีเข้าหาเหยื่อประชิดตัวต่อตัวอย่างเช่นกรณีนี้ ซึ่งวิธีนี้เหยื่อที่ถูกหลอกมักจะหลงเชื่อได้ง่าย
เนื่องจากเห็นหน้าตัวเป็น ๆ แล้วอายุรุ่นเดียวกันไม่ได้เป็นคนหนุ่มสาว จึงเกิดไว้เนื้อเชื่อใจ คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาขอตรวจสอบทรัพย์สินจริง อีกทั้งเพื่อเป็นการหลบหลีกการตรวจสอบจากสถาบันการเงิน ให้ผู้เสียหายถอนเงินครั้งละไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยคนกลุ่มนี้รู้จักทางหนีทีไล่ดี แม้โดนจับกุมยังให้การภาคเสธ โชคดีที่เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้จับกุมผู้ก่อเหตุได้เร็ว มิเช่นนั้นก็อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้.