นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการทำไทยแลนด์ดิจิทัลโทเคน หรือ จี โทเคน เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการระดมทุนแบบใหม่ของรัฐบาล และการออมให้กับประชาชนรายย่อย โดยเบื้องต้นกำหนดวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท สำหรับผลตอบแทนผู้ถือหน่วยลงทุน จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนโดยการฝากเงินทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะ ไม่ได้เป็นการพิมพ์เงินใหม่ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นประเภทคริปโตเคอร์เรนซี
ทั้งนี้ ข้อดี คือประชาชนสามารถลงทุนในสัดส่วนที่น้อย โดยอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ดังนั้นจึงสามารถลงทุนได้ตั้งแต่หลักร้อยบาทเป็นต้นไป และสามารถทำให้รัฐบาลสามารถขยายฐานการลงทุนได้ จึงถือเป็นทางเลือกมากขึ้นให้กับประชาชน และเป็นการวางรากฐานนวัตกรรมสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตด้วย อีกทั้งยังเข้าข่ายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถนำไปซื้อขายศูนย์แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ G-Token
- เป็นหน่วยลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ออกโดยรัฐบาล
- คาดเริ่มเปิดขายครั้งแรก เดือน ก.ค.68 วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
- วงเงินดังกล่าว เป็นเงินกู้ของรัฐบาลเพื่อนำไปใช้ชดเชยขาดดุลงบประมาณประจำปี
- รัฐบาลกันวงเงินจากที่เตรียมเปิดขายสลากออมทรัพย์ มาทดลองทำเป็น G-Token
- มีขนาดวงเงินไม่มาก จึงไม่กระทบ Yield Curve
- ผลตอบแทนใกล้เคียงพันธบัตรออมทรัพย์
- อายุการถือครองระยะสั้น 1-3 ปี
- กลุ่มเป้าหมายเปิดขายให้ประชาชนทั่วไปเพื่อส่งเสริมการออม
- G-Token 1 หน่วย อาจเท่ากับ 1 บาท หรือ 10 บาท อยู่ระหว่างกำหนด
- G-Token ไม่ใช่เป็นการกู้เงินพิเศษ 5 แสนล้าน ไม่เกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต และไม่เกี่ยวกับบิตคอยน์ คริปโตเคอร์เรนซี
- G-Token ไม่ได้เป็นเงินตรา ไม่สามารถใช้ชำระซื้อสินค้าได้
- G-Token อยู่ภายใต้ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรองได้เลยตั้งแต่วันแรก ไม่มี Silent Period
- การซื้อขายผ่านช่องทางเดิม ธนาคารพาณิชย์ แอปพลิเคชัน และโบรกเกอร์ที่เข้าร่วม