จากกรณี น้องเอย อายุ 16 ปี นักเรียนสาวชั้น ม.4 หายตัวไปในป่าข้างบ้านพักศูนย์ควบคุมการบินอุดรธานี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 โดยพบเพียงรถจักรยานจอดทิ้งไว้ริมถนน สร้างความกังวลใจให้กับครอบครัวและเจ้าหน้าที่ที่เร่งระดมกำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 14 พ.ค. หลังจากการค้นหานานกว่า 3 ชั่วโมง นายอิคคิว อายุ 18 ปี พลเมืองดี ได้พบตัวน้องเอยเดินอยู่ริมถนนบ้านหนองใหญ่ ห่างจากจุดที่หายตัวไปประมาณ 2 กิโลเมตร ในสภาพสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าเป้สีดำ เนื้อตัวเปียกน้ำ และมีเศษหญ้าติดอยู่ตามผม น้องเอยมีอาการตื่นตระหนกและร้องไห้ตัวสั่น ไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ในทันที

นายอิคคิว เล่าว่า ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านกับพ่อ สังเกตเห็นน้องผู้หญิงเดินออกมาจากป่าข้างทาง จึงขับรถไปส่งพ่อที่บ้านและวนรถกลับมาสอบถาม เนื่องจากเห็นข่าวการหายตัวไป เมื่อสอบถาม น้องเอยตอบว่าใช่บุคคลเดียวกันที่หายไป ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

น.ส.หลิน พี่สาวของน้องเอย เปิดเผยว่า น้องเอยบอกว่าไปเดินเล่นแล้วพลัดตกน้ำ รายละเอียดยังไม่ชัดเจน และไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการหายตัวไป อาจมีปัญหาที่โรงเรียน แต่ไม่น่าใช่เหตุผลหลัก เนื่องจากน้องเพิ่งเปิดเรียนได้เพียง 2 วัน และทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ตนเองก็ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด น้องเป็นคนร่าเริง ไม่มีความเครียดใดๆ แต่ทราบว่าน้องมีแฟนหนุ่ม ซึ่งขณะที่น้องหายตัวไป ตนได้โทรศัพท์สอบถามแฟนของน้อง และทราบว่าน้องเคยพูดว่าอยากออกจากบ้าน แต่ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร ครอบครัวก็ไม่ได้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน

น.ส.สุกัญญา มารดาของน้องเอย กล่าวด้วยความโล่งใจว่า ตอนนี้รู้สึกทั้งตกใจและดีใจที่พบลูกสาวแล้ว เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย ตนจะดูแลลูกสาวให้ดีกว่านี้ ไม่ให้คลาดสายตา และจะออกตามหาทันทีหากคลาดสายตาไปแม้เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว โทรศัพท์มือถือของลูกสาวหน้าจอแตก และไม่ทราบว่าทำไมถึงไปอยู่ในป่าได้ ลูกสาวยังไม่ได้เล่าอะไรมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.พัฒนวงษ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้ให้ครอบครัวได้พูดคุยกับน้องเอยเบื้องต้น ทราบว่าเด็กมีความน้อยใจและต้องการความเป็นส่วนตัว เนื่องจากรู้สึกว่าถูกแม่และครอบครัวควบคุมมากเกินไป น้องเอยให้การว่าเดินลงไปในน้ำเล็กน้อยแล้วเดินกลับออกมาเอง อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด และจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะนำตัวน้องเอยไปตรวจร่างกายและสอบปากคำต่อหน้าพนักงานสอบสวนหญิงและสหวิชาชีพ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการหายตัวไป

ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ยังฝากถึงผู้ปกครองในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีปัจจัยต่างๆ ที่แตกต่างจากในอดีต ทั้งสื่อโซเชียลและปัญหาครอบครัว ว่าไม่ควรใช้ความเข้มงวดกับบุตรหลานมากเกินไป แต่ควรใช้ความเข้าใจและพูดคุยกันด้วยเหตุผล

แม่ร่ำไห้สาวน้อย ม.4 หายตัวลึกลับในป่าอุดรธานี พบแค่จักรยานทิ้งไว้หวั่นเกิดเหตุร้าย