จากกรณี ตำรวจกองปราบปรามได้รับเรื่องร้องเรียนว่า “พระธรรมวชิรานุวัตร” เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเป็นเจ้าคณะภาค 14 มีพฤติกรรมยักยอกเงินของวัดไปเล่นการพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวอยู่ในวัดนานกว่า 8 เดือน จนกระทั่งพิสูจน์ทราบแน่ชัดว่า พระธรรมวชิรานุวัตร มีพฤติกรรมตามที่ถูกร้องเรียนจริง โดยพบว่าให้กรรมการวัดทำการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของวัดไร่ขิง มายังบัญชีส่วนตัว จากนั้นได้โอนไปให้หญิงสาวรายหนึ่งที่เป็นนายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อเติมเครดิตสำหรับใช้เล่นพนันออนไลน์ “บาคาร่า” สูญเงินไปกว่า 300 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นในเรื่องที่เกิดขึ้น พระพยอม ถึงกับส่ายหน้า พร้อมกล่าวว่า เป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการสงฆ์ ที่พระระดับชั้นธรรม มาพลาด เรียกว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ได้เอามารักษาคุ้มครอง ปล่อยศีล สมาธิ ปัญญา ไปไว้หลังวัด การปกครองคณะสงฆ์ที่ท่านปกครองมา แล้วไปฉวยโอกาสที่ท่านปกครองมา ไปหยิบยืมเงินจากวัดนั้นวัดนี้ไม่ใช่แต่เงินของวัดอย่างเดียว มองดูลึกๆ คณะกรรมการวัดไม่ทราบว่ารู้เห็นกับเรื่องนี้หรือเปล่า หรือมีส่วนแบ่งหรือได้เปอร์เซ็นต์จากการเล่นพนัน ถ้ารู้ก็น่าจะมีการห้ามปรามบ้าง

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ IMG_0055.jpeg

แต่นี่ปล่อยไปให้เสียเงินกว่า 300 ล้าน เงิน 300 ล้านมันไม่ใช่เล็กน้อย ที่เขาโกงกันมา 30-50 ล้านก็ถือว่ามากแล้ว แล้วเงินนี้ก็ไม่ได้เอาไปสร้างสรรค์อะไรเลย เอาไปเล่นกับของเสื่อม เล่นพนันออนไลน์ แบบนี้พระพุทธเจ้าเคยเรียกว่า “ภิกษุมหาโจร” เอาอาวุธซุกซ่อนในจีวร แต่คราวนี้ยิ่งกว่ามหาโจร เพราะปล้นไปได้ตั้ง 300 ล้าน

ตามหลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสนอง” จบเห่ชนิดที่ต้องติดคุกติดตะราง น่าสะเทือนใจตรงที่ว่า ท่านไม่รักษาความดี ไม่เป็นพระดี ได้เงินได้ทองยังไม่ดีเท่ากับเป็นพระดี แบบนี้เป็นพระดีไม่ได้ ต้องเป็น “พระมหาโจร”