กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเกี่ยวโยงเหตุตึก สตง. ถล่ม กระทั่งมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 17 ราย และมีการจับกุมฝากขังบางรายบ้างแล้ว ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

“เปรมชัย” มอบตัว! พร้อมผู้ต้องหาคดีตึกถล่ม 17 ราย ทนายพรึบ สน.บางซื่อ!

ความคืบหน้า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 พ.ค. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุ และมีการสอบสวนปากคำกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) หรือ สตง. มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสอบสวนปากคำพยานกรรมการบริษัท ตามสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ 1.สัญญาการก่อสร้าง โดยกิจการร่วมค้า ITD-CREC : บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด 2.สัญญาการออกแบบ โดยบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด 3.สัญญาการควบคุมงาน โดยกิจการร่วมค้า PKW และยังมีการสอบสวนปากคำพยานวิศวกรกิจการร่วมค้า PKW รวม 38 ราย กรณีปรากฏชื่อและลายเซ็นในเอกสารควบคุมงานก่อสร้างตึก สตง. ต่อมามีผลสรุปการให้ปากคำของวิศวกร ดังนี้ ยอมรับว่ามีการเซ็นควบคุมงานตึก สตง. จริง 8 ราย และให้การว่าถูกปลอมลายเซ็น 30 ราย

นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เจ้าหน้าที่ ปภ. เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่ไซต์งานชั่วคราว อายัดเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการก่อสร้างกว่า 121 ลัง และลงพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจยึดตัวอย่างคอริ่งปูน ส่วนผนังปล่องลิฟต์ เสาอาคาร เหล็ก ส่งนำตรวจพิสูจน์

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยอีกว่า จากการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ตั้งแต่เกิดเหตุ ล่าสุดวันนี้ พนักงานสอบสวนได้นัดหมายประชุมวาระสำคัญในเวลา 08.00 น. โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานการประชุม เพื่อเตรียมเปิดปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่งในเป้าหมายรวม 7 จุดในกรุงเทพฯ และจ.นนทบุรี โดยทั้งหมดเป็นที่ตั้งสาขาของบริษัทดังกล่าว ประกอบด้วย

จุดที่ 1 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม รามอินทรา จุดที่ 2 ถนนเพชรพระราม (คลองตัน) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง จุดที่ 3 ในซอยพระราม 9 (21) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง จุดที่ 4 ถนนสิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด จุดที่ 5 ถนนนครอินทร์ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จุดที่ 6 และ จุดที่ 7 ในพื้นที่ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี ภายหลังจากที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญารัชดาภิเษกออกหมายค้น โดยพื้นที่เข้าตรวจค้นทั้ง 7 จุด จะเกี่ยวข้องกับแพลนท์ปูน 7 แพลนท์ (สถานที่ผลิตและจำหน่ายปูนเพื่อการก่อสร้างตึก สตง.) และเกี่ยวข้องกับ บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ “นายบินลิง วู” นายทุนชาวจีนคนสำคัญ ซึ่งเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือนอมินี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในที่ประชุมของคณะพนักงานสอบสวนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) นางภัทรพร วิจิตรทัศนา ผอ.ส่วน 2 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ประชุมหารือแบ่งงาน เปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 7 ชุด ร่วมบูรณาการกันทั้งหมด เพื่อทำการตรวจค้นพยานเอกสาร พยานวัตถุ สอบสวนปากคำพยานบุคคล ยึดและอายัดเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ตรวจสอบในคดี.