หากย้อนกับไปประมาณ 10 กว่าปีก่อน  ในยุคที่ค่ายมือถือทั้ง 3 ราย แข่งขันกันทำตลาดแย่งชิงผู้นำเบอร์หนึ่งในตลาดโทรคมนาคมไทยกันอย่างดุเดือด

เชื่อว่าหลายๆคนยังคงจำภาพผู้บริหารจากต่างประเทศของ “ดีแทค” ในยุคนั้น ที่มี ‘เทเลนอร์ กรุ๊ป’ เข้ามาร่วมถือหุ้น ด้วยความที่เป็นผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พยายามพูดคุยสื่อสารด้วยภาษาไทย

เขาคนนั้น คือ  ‘ซิกเว่ เบรกเก้’  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เรียกกันว่าในสมัยนั้น เป็น “ซีอีโอ” จากต่างประเทศ ที่สร้างสีสันให้วงการโทรคมนาคม ไทยไม่น้อย เพราะในยุคที่เขารับตำแหน่ง ทำงานในดีแทค เขามักเดินสายพูดคุย เยี่ยมพนักงาน ลูกค้า ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด และที่ติดตากันทุกคน คือ  ‘ซิกเว่  ยังเคยแสดงในโฆษณาทางทีวีของดีแทคด้วยตนเองด้วย

และหากย้อนกลับไปช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา “บิ๊กดีล” ควบรวม “ทรู-ดีแทค” ก็เป็น “ซิกเว่”  ที่ขณะนั้น ขยับขึ้นไปนั่งตำแหน่ง  President and Chief Executive Officer (CEO) เทเลนอร์ กรุ๊ป ก็มีส่วนสำคัญในการคุย “บิ๊กดีล” กับ ‘ศุภชัย เจียรวนนท์’ ผู้บริหารของ ทรู

 ชื่อ ของ  “ซิกเว่”  กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ด้านธุรกิจ เทเลคอม และดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์  รวมถึง ตำแหน่ง Group CEO หรือ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  รับบทกุมบังเหียนพา “ทรู” สู่การเป็นเทคคอมปานีระดับโลก

ล่าสุด “ซิกเว่”  ได้นัดสื่อเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังกลับมารับตำแหน่งเป็นผู้บริหารของ “ทรู” มุมมองความคิดของเขาต่อตลาดโทรคมนาคมไทยจะเป็นอย่างไรในตลาดที่เหลือผู้เล่นหลักๆ เพียง 2 ราย

  “ซิกเว่”   บอกว่า  ในช่วง 10 ปี ที่ห่างหายจากเมืองไทย ไปนั่งบริหารในต่างประเทศ ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การจะทำให้บริษัทโทรคมนาคมมีกำไรได้อย่างไร  เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรม ทั้งบริษัทเทคใน สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ซึ่งเมื่อได้เกษียณ ที่ เทเลนอร์ กรุ๊ป  แล้วได้รับโอกาสจาก คุณศุภชัย ที่ชักชวนให้มาทำงานด้วยกัน

  “ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ส่วนทรูและดีแทค ก็มีศักยภาพ เป็นผู้นำในบทบาทนี้ ที่ผ่านมา หลังจากควบรวมมาสองปี ทีมบริหารทำได้ดีมาก ในเรื่องการแข่งขัน การพัฒนาเน็ตเวิร์ค แต่เรายังพัฒนาต่อได้ในอีกหลายเรื่อง  สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ อย่างแรก คือ เรื่องลูกค้า ต้องได้รับความเชื่อใจจากลูกค้า  ไม่หลอก ไม่โกหก เร่งสร้างความประทับใจให้ลูกค้า”

“ซิกเว่”   บอกว่า  แนวทางการบริหารงานจะเน้นใน 3 ภารกิจหลัก ครอบคลุมมิติสำคัญทั้งด้านลูกค้า เทคโนโลยี และทีมงาน  โดยในส่วนของ ภารกิจที่ 1 ลูกค้า มุ่งสร้างแบรนด์ที่เชื่อใจได้  สร้างประสบการณ์ลูกค้าเป็นหนึ่งเดียว โดยเร่งรวมระบบให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างลูกค้าทรูและดีแทค เปลี่ยนผ่านสู่ Digital touchpoint เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งรวมแอปพลิเคชันทรู-ดีแทคเข้าด้วยกัน และนำ AI มาใช้กับการบริการลูกค้าเพื่อความพึงพอใจสูงสุด

พร้อมพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ชู “ภูเก็ตโมเดล” เป็นจังหวัดแรกที่พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยเสร็จ 100% และจะดำเนินการต่อไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ให้เสร็จสิ้นในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือชั้น และเดินหน้าต่อในการเป็นผู้นำโทรคมนาคมและเทคโนโลยีชั้นนำของไทย

ส่วนภารกิจที่ 2 เทคโนโลยี จะทำเรื่อง ปัญญาประดิษฐ์เพื่อไทยทุกคน (AI for all Thais) สร้างความตระหนักรู้ แก่ภาคธุรกิจและประชาชนกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้งานจริงในวงกว้าง  นำ เอไอ  พัฒนาการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ตรงใจ   ให้ความสำคัญกับเอไอ เฟริส์ และ คลาวด์ เฟริส์ ซึ่งในอนาคตระบบต่างๆของ ทรูและดีแทค จะถูกนำขึ้นไว้บน คลาวด์ ทั้งหมด

 และภารกิจที่ 3 ทีม จะเร่งสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่มีมีหัวใจคือลูกค้า (Customer-obsessed culture) หลอมรวมวัฒนธรรมองค์กร ทรู และดีแทคให้เป็นหนึ่งเดียว  ที่สามารถแข่งขันได้  พนักงานเติบโตไปด้วยกันกับบริษัท  สร้างผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านในองค์กรให้ได้  มีพันธมิตรเชิงกลยุทธ มีบริษัทใหญ่ระดับโลกเข้ามาเป็นพันธมิตร

“ซิกเว่”  บอกถึงการลงทุนของทรูและดีแทคว่า จะใช้งบประมาณ 28,000-30,000 ล้านในปีนี้ ทั้งในเรื่อง เน็ตเวิร์ค  เอไอ และดาต้าเซ็นเตอร์  โดยในส่วนของ เอไอ จะไม่ได้ลงทุนพัฒนาขึ้นเอง แต่จะหาพันธมิตร เช่นเดียวกับดาต้าเซ็นเตอร์ จะมีทรู ไอดีซี  ในเครือซีพี เป็นพันธมิตร ต่อไปจะเห็นดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ๆ ลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีในเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์

  ส่วนในเรื่องผลประกอบการถือเป็นครั้งแรก ที่ทรูมีผลประกอบการพลิกฟื้นทำกำไรได้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่พึงพอใจเท่าไร เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่เราจะกลับมามีผลประกอบการที่ดียิ่งๆขึ้นในไตรมาสต่อไป และอยาก  ให้ EBITDA หรือ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย เติบโตให้ได้ 8-10% ในปีนี้  โดยรายได้ที่เติบโตมาจากทั้ง 3 ส่วนของ พรีเพด (เติมเงิน) โพสต์เพด(รายเดือน) และบริการดิจิทัล สิ่งที่ต้องเร่งทำ คือ ควบคุมต้นทุนและรายจ่ายต่างๆ และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

“ซิกเว่”  ยังบอกถึงการควบรวมทรู และดีแทคผ่านมา 2 ปี แม้จะมีการมองว่าเ ตลาดเหลือผู้เล่น 2 ราย  แต่บริบทของการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงไปจาก 20 ปี ที่ผ่านมา เพราะปัจจุบัน คู่แข่ง ไม่ได้มีแค่  ผู้ให้บริการมือถือ หรือ โอเปอเรเตอร์ เท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ เช่น TikTok  Google Facebook และ Apple ด้วย หากทรูต้องการก้าวขึ้นเป็น เทคคอมปานีระดับโลก การแข่งขันจึงมีความท้าท้ายและยากกว่าในอดีต

“มองว่าเรื่องการแข่งขัน คือ จะทำอย่างไรให้มีเน็ตเวิร์ค ที่ดี เร็วขึ้น ไร้รอยต่อ สร้างประสบการณ์การใช้งานให้กับลูกค้า การควบรวมจะทำให้มีบริการที่ดีขึ้น ซึ่งการเป็นบริษัทเทคโนโลยี ต้องมีบริการใหม่ มีพันมิตรใหม่ๆ ระดับโลก เป็นเรื่องที่ท้าท้าย  แต่หากทำได้ รายได้ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดได้  แม้เป็นเรื่องอยาก แต่ เราก็ต้องลองทำดูก่อน  ตอนนี้ เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้น”

ภาพ pixabay.com

“ซิกเว่”  ตอบคำถามถึงการประมูลคลื่นมือถือที่ กสทช. กำลังจะเปิดประมูลว่า ยังพูดอะไรไม่ได้มาก เพราะกำลังจะมีประมูล แต่การมี สองบริษัท ก็ถือเป็นคู่แข่ง  การประมูลก็จะโปร่งใส และแข่งขันอย่างเสมอภาค  ส่วนเรื่อง แบรนด์ ดีแทค จะหายไปเรื่องเพียงแบรนด์ทรู หรือไม่ หลังครบ 3 ปี ก็ยังเป็นเรื่องที่พูดคุยหารือกันอยู่ ยังบอกอะไรไม่ได้

 ขณะที่เรื่อง กำแพงภาษีทรัมป์ นั้น หากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ก็ย่อมส่งผลต่อทรูด้วย ขณะเดียวกัน ทรู ต้องมีการนำเข้าอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ทั้งจาก จีน ยุโรป ซึ่งอาจมีราคาปรับขึ้น ก็ทำให้ต้องมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย

สุดท้ายแล้ว  “ซิกเว่”   ยืนยันว่า  2 ปี ที่ผ่านมาหลังการควบรวม เราทำได้ดี แต่ยังมีหลายสิ่งที่พัฒนาได้ดีกว่านี้ โดยใน 2 ปี ต่อจากนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้การนำของเขา โดยวางเป้าหมายว่า ทรู จะเป็นบริษัทที่ทุกคนอยากมาทำงานด้วย เป็นบริษัทที่เป็นแบบอย่างให้กับบริษัทอื่นๆ มีบริการที่ดีที่สุด  เปลี่ยนจาก “บริษัทโทรคมนาคม” ขึ้นเป็น “เทคคอมปานีระดับโลก” ได้

Cyber Daily