“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” แจ้งว่า ในวันที่ 20 พ.ค. 2568 เป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช–เมืองทองธานี โดยไม่เก็บค่าโดยสาร คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการกันอย่างคึกคัก เพิ่มทางเลือก เพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองทองธานีให้แก่ประชาชน และจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดภายในเมืองทองธานีได้อีกด้วย โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ส่วนช่วงวันหยุดที่เมืองทองธานีมักจะมีการจัดงานคอนเสิร์ต หรือจัดงานต่างๆ ก็จะขยายเวลาการให้บริการไปจนถึง 23.30 น. ซึ่งในระยะแรกบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน ได้จัดขบวนรถไว้ให้บริการ 3 ขบวน ด้วยความถี่ 10 นาทีต่อขบวน และในชั่วโมงเร่งด่วน หรือช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการจำนวนมาก จะปรับความถี่ในการให้บริการเป็น 5 นาทีต่อขบวน

สำหรับขบวนรถที่นำมาให้บริการนั้น เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรล รุ่น Bombardier Innovia Monorail 300 ชุดเดียวกับที่ให้บริการในเส้นทางหลักของสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ปัจจุบันขบวนรถสายสีชมพูมีทั้งหมด 42 ขบวน โดยนำมาให้บริการในเส้นทางสายหลักประมาณ 27 ขบวน และจะนำมาให้บริการส่วนต่อขยาย 3 ขบวน ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นขบวนสำรองไว้ใช้งานเพิ่มเติม ซึ่ง 1 ขบวน ประกอบด้วย 4 ตู้ รองรับผู้โดยสารได้รวมประมาณ 738 คน โดยตู้หัว และท้าย รองรับผู้โดยสารได้ 178 คน ส่วนตู้กลาง รองรับผู้โดยสารได้ 191 คน อย่างไรก็ตามขบวนรถที่มีอยู่ทั้งหมดนี้ NBM จะสามารถบริหารจัดการให้รองรับผู้โดยสารทั้งสายหลัก และส่วนต่อขยายได้อย่างเพียงพอ

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ NBM จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายฟรีจนถึงวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และจะเริ่มเก็บค่าโดยสารในอัตรา 15-23 บาท ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2568 หากใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนหลัก และส่วนต่อขยาย จะเก็บอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท คาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการวันละประมาณ 1.38 หมื่นคน

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เมืองทองธานี มีการจัดคอนเสิร์ต หรืองานอีเวนต์ต่างๆ ที่มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก ทาง NBM อาจต้องหารือกับผู้จัดงานล่วงหน้าถึงจำนวนผู้ร่วมงาน รวมถึงเวลาของการจัดคอนเสิร์ต เพราะบางคอนเสิร์ตอาจเลิกเกินเวลา 24.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยาย เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการการเดินรถ โดยอาจจะเพิ่มจำนวนขบวนรถ ขยายเวลา และเพิ่มความถี่ในการบริการให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างเพียงพอ สะดวก และปลอดภัยต่อไป ซึ่งก่อนการดำเนินการดังกล่าวต้องหารือกับทาง รฟม. ด้วย

ในช่วงการเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการฟรี ขอให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการใช้บริการ เพราะ รฟม. และวิศวกรที่ปรึกษาอิสระ (Independent Certification Engineer : ICE) ได้ร่วมทดสอบประเมินความพร้อม และความปลอดภัยแล้ว รวมทั้งได้จัดฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นการภายใน เพื่อรองรับหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดไว้แล้ว อีกทั้งในช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2568 จะมีการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อทดสอบ และประเมินความรู้ความสามารถของพนักงานในการจัดการเหตุฉุกเฉิน สร้างความเข้าใจ การประสานงาน การสื่อสาร การสนับสนุนในการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่อีกครั้งด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนหลัก ช่วงแคราย-มีนบุรี มีผู้โดยสารมาใช้บริการประมาณ 6-7 หมื่นคนต่อวัน เมื่อเปิดให้ใช้บริการสายสีชมพู ส่วนต่อขยาย คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารสายสีชมพูส่วนหลักเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการส่วนหลักประมาณ 1 แสนคนต่อวัน ซึ่งคาดว่าคงจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อใช้มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย.