เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่รัฐสภา นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงว่า ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ที่ผ่านมา ตนได้ตั้งกระทู้ถามสดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน กรณีรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 จำนวน 5,200 เมกะวัตต์ ยังไม่ได้มีการชะลอ โดยนายพีระพันธุ์ได้อ้างว่าไม่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากกฤษฎีกากังวลว่ามีบางโครงการได้ลงนามซื้อขายไปแล้ว หากยกเลิกกลางคัน จะทำให้มีปัญหาตามมาทีหลัง แต่ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการพลังงาน เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางตัวแทนกฤษฎีกายืนยันยันว่านายพีระพันธุ์ ไม่เคยมีหนังสือถามกฤษฎีกาเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 มาแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงแค่สอบถามถึงเรื่องอำนาจของตัวเองในการสั่งชะลอการรับซื้อไฟฟ้าเฟส 2 จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ เท่านั้น หมายความว่านายพีระพันธุ์ ตอบกระทู้สดในสภาไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น

“หากข้อชี้แจงของกฤษฎีกาถูกต้อง แสดงว่ารัฐมนตรีให้ข้อมูลกับสภาไม่ตรงข้อเท็จจริง จะทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเช่นนี้ จะเป็นการละลายต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้โครงการรับซื้อไฟฟ้า 5,200 เมกะวัตต์ เกิดขึ้นต่อไปใช่หรือไม่ ดังนั้นเราคงต้องออกมาเรียกร้องให้ท่านชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และใช้อำนาจที่ตัวเองมี ในฐานะนั่งอยู่ในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) สั่งชะลอหรือยกเลิก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน” นายศุภโชติ กล่าว  

ด้านนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมหน่วยงานอื่นยังชี้แจงว่า ยังมีโครงการโรงงานไฟฟ้าที่ยังไม่มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้าอีกกว่า 900 เมกะวัตต์ หมายความว่ารัฐบาลยังสามารถยกเลิกหรือสั่งชะลอการลงนามเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนได้มากที่สุดไป แต่ต้องมีการเปลี่ยนมติ กพช. จึงขอให้ประชาชนตั้งคำถามไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ ว่าเรื่องนี้ควรจะยกเลิกเพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับค่าไฟแพงขึ้น และที่อ้างว่ากฎหมายไม่สามารถยกเลิกได้ ความจริงระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าระบุชัดว่า กพช. สามารถสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนได้ ถ้ามีการยกเลิกมติดังกล่าว ซึ่งเหมือนกรณีการชะลอรับซื้อเฟส 2 เพราะใช้ระเบียบรับซื้อเดียวกัน ไม่ได้มีการประมูลและเป็นการซื้อในอนาคตที่จะเกิดขึ้น 1-5 ปีข้างหน้าในราคาเท่าเดิม

นายวรภพ กล่าวว่า ดังนั้นหากมีการประมูล ค่าไฟควรจะลดลงทุกปีจากต้นทุนไฟฟ้าหมุนเวียนที่มันลดลงอยู่แล้ว ส่วนมติ กพช. ล่าสุด ที่ระบุว่าการชะลอรับซื้อเฟส 2 นั้น อาจจะมีการกลับมาลงนามสัญญาได้ ถ้ามีการเจรจาให้ลดค่าไฟ เราขอยืนยันว่าหากยึดตามค่าไฟของประชาชนเป็นหลัก ควรต้องยกเลิก ไม่ใช่แค่ชะลอหรือแค่เจรจา เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เนื่องจากขณะนี้เรามีไฟฟ้าที่ล้นเกินอยู่แล้ว การรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติม ยิ่งทำให้ค่าไฟของประชาชนแพงขึ้น ส่วนที่อ้างว่าต้องการเพิ่มพลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียนตามที่เอกชนต้องการนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเอกชนกำลังรอนโยบาย การซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ที่รัฐบาลอนุมัติไปแล้ว และจะครบ 1 ปี ในเดือนหน้า ในการเดินหน้าเพื่อซื้อขายพลังงานหมุนเวียนได้โดยตรงจากผู้ขายเอง ไม่ต้องซื้อต่อจากการไฟฟ้าเท่านั้น.