กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่าในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขยายแคมเปญ ‘COKE Foodmarks’ ปักหมุดแลนด์มาร์กร้านอร่อยซ่าคู่ ‘โค้ก’ อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเชื่อมโยงผู้บริโภคกับร้านอาหารสตรีทฟู้ดทั่วประเทศ ปัจจุบันได้ปักหมุดร้านค้าไปแล้วกว่า 4,300 แห่ง พร้อมตั้งเป้าขยายให้ครอบคลุมย่านสำคัญทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต หัวหิน หาดใหญ่ และพัทยาภายในปี 2568

สำหรับแคมเปญ ‘COKE Foodmarks’ เป็นโครงการระดับโลกที่ริเริ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของแต่ละประเทศ โดยประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนและแปซิฟิกใต้ที่เปิดตัวแคมเปญนี้ในปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความผูกพันอันยาวนานกว่า 75 ปีของแบรนด์กับวิถีการกินของคนไทย จุดเริ่มต้นของแคมเปญในประเทศไทยมาจากการปักหมุดร้านเด่นใน 4 ย่านอาหารชื่อดัง ได้แก่ ถนนบรรทัดทอง (กรุงเทพฯ), ถนนนิมมานเหมินท์ (เชียงใหม่), ถนน 30 กันยา (นครราชสีมา) และถนนศาลเจ้า (สุราษฎร์ธานี)

ในปีนี้ โคคา-โคล่า ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานเขตธนบุรี พัฒนาโซนร้านค้าบริเวณใต้สะพานรัชดาภิเษก ฝั่งทางรถไฟตลาดพลู ซึ่งเป็นย่านที่มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมอาหารและเป็นศูนย์กลางของชุมชนฝั่งธนบุรี โดยกระบวนการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวจะดำเนินงานร่วมกับประชาชนในชุมชนผ่านการมีส่วนร่วม เพื่อให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ท้องถิ่น และสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาและการรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม

‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกทม. กล่าวถึงการพัฒนาย่านตลาดพลูในครั้งนี้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการสร้าง “ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์” โดยเน้นยกระดับพื้นที่ให้สะอาด เป็นระเบียบ และปลอดภัย พร้อมรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมของพื้นที่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้าและผู้อยู่อาศัยในพื้นที่

ขณะที่ ‘ศานนท์ หวังสร้างบุญ’ รองผู้ว่าราชการกทม. กล่าวเสริมว่า โครงการพัฒนาย่านสร้างสรรค์ 50 ย่านของ กทม. ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 มุ่งยกระดับพื้นที่ชุมชนให้มีอัตลักษณ์โดดเด่น ทั้งในด้านกายภาพ มรดกทางวัฒนธรรม และเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่ ซึ่งตลาดพลูเป็นหนึ่งใน 30 ย่านที่ได้รับการพัฒนาไปแล้ว และมีศักยภาพในการต่อยอดสู่การเป็นแลนด์มาร์กด้านอาหาร วัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคต

ด้าน ‘ศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี’ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัท โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว เปิดเผยว่า การออกแบบพื้นที่ร้านค้าใต้สะพานรัชดาภิเษกครั้งนี้ได้ผสมผสานคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชุมชนริมทางรถไฟ และวัฒนธรรมไทย-จีนของย่านเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบแสงสว่าง จุดล้างอุปกรณ์ ระบบดักไขมัน และจุดแยกขยะ เพื่อยกระดับสุขอนามัยและความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ค้าและผู้บริโภค

นอกจากการปรับปรุงพื้นที่ โคคา-โคล่ายังเดินหน้าส่งเสริมผู้ค้าท้องถิ่นเข้าสู่โลกดิจิทัล ด้วยการสนับสนุนด้านการขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Grab และส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมทั้งสร้างสรรค์คอนเทนต์ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารและท่องเที่ยว เพื่อให้ย่านอาหารเหล่านี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการจัดกิจกรรม ‘COKE Foodmarks’ Day’ ซึ่งเป็นการรวมตัวของอินฟลูเอนเซอร์กว่า 100 คน เพื่อร่วมสร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันเทคนิคการรีวิวร้านอาหาร เพื่อผลักดันให้ร้านค้าที่เข้าร่วมแคมเปญกลายเป็นจุดหมายใหม่ของนักชิมทั่วประเทศ

ดังนั้นการขยายแคมเปญ COKE Foodmarks และความร่วมมือกับกทม. จึงไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมการกินของไทย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับเมืองและระดับประเทศ