น.ส.มิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและจีนของ Booking.com เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจพบว่า ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มคู่รัก LGBTQ+ 75% มีประสบการณ์ไม่ดีในการเดินทาง, เกือบ 50% ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ฉะนั้นหลังจากที่ประเทศไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ก็เชื่อว่าจะช่วยให้กลุ่มดังกล่าว มีความมั่นใจว่าประเทศไทยเปิดกว้างในเรื่องนี้ และมีความมั่นใจในการท่องเที่ยวมากขึ้น

“เมื่อประเทศไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม มองว่าจะกลายเป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อเติมเต็มให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยในการเข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ Booking.com ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่พัก บริการตั๋วเครื่องบิน บริการเช่ารถ จึงได้จับมือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชน เปิดตัวโปรเจกต์พิเศษ ‘Amazing Thailand : LGBTQ+ Friendly Honeymoon Destination with PorschArm’ เพื่อประกาศให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้ทราบว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ให้การต้อนรับผู้เดินทางกลุ่ม LGBTQ+ และผู้เดินทางทุกคนอย่างเป็นมิตรผ่าน vlog การเดินทางฮันนีมูนทั่วประเทศไทยของพอร์ชอาม หลังจากจดทะเบียนสมรส

โดยเมื่อปี 2564 ได้เปิดตัวโปรแกรม Travel Proud และได้ร่วมกับ HospitableMe จัดโปรแกรมฝึกอบรมเกี่ยวกับการให้บริการอย่างเท่าเทียมให้กับที่พักคู่ค้าฟรี ซึ่งช่วยให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ผู้ให้บริการด้านการเดินทางเกี่ยวกับอุปสรรคในการเดินทางที่ผู้เดินทาง LGBTQ+ กำลังเผชิญ รวมถึงมอบทักษะและเทคนิคที่นำมาปฏิบัติตามอย่างมีประสิทธิภาพได้ทันทีในที่พักของตน 

สำหรับที่พักคู่ค้าที่ผ่านการอบรมแล้ว จะได้รับการรับรอง Proud Certified บนหน้าข้อมูลที่พัก เพื่อแสดงให้ผู้เดินทางเห็นถึงความมุ่งมั่นของที่พัก ที่พร้อมมอบประสบการณ์เดินทางที่เป็นมิตร และต้อนรับผู้เดินทางทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม โดยไม่สำคัญว่าผู้เดินทางจะมาจากไหน จะรักใคร หรือมีตัวตนแบบใด

น.ส.มิเชล เกา กล่าวว่า โปรแกรม Travel Proud ให้บริการในภาษาอังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส บราซิล โครเอเชีย ญี่ปุ่น กรีก โปรตุเกส เยอรมัน และไทย มีการจัดเซสชั่นอบรมอย่างสม่ำเสมอ โดยปัจจุบันมีที่พักที่ได้รับการรับรอง Travel Proud มากกว่า 99,000 แห่งทั่วโลกบน Booking.com และในประเทศไทยมีที่พักที่ได้การรับรอง Travel Proud 1,800 แห่ง