เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 พ.ค. พ.ต.ต.ชินกฤต สวัสดิวงศ์ สว.(สอบสวน.) สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกระเบิดเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย ที่บ้านเลขที่ 152/1 หมู่ 1 ต.สมอทอง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์ขจร สุกกสังข์ ผกก. กำลังเจ้าหน้าที่ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ที่ลานดินหน้าบ้านพบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายหนึ่งราย ทราบชื่อ นายสุรพงศ์ ทองนาค อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 8 ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี สภาพนุ่งกางเกงยีนขาสามส่วน เสื้อยืดสีเทานอนคว่ำหน้า มีบาดแผลบริเวณใบหน้าและศีรษะ เลือดไหลนองพื้น ส่วนผู้บาดเจ็บ 3 ราย ผู้อยู่ในเหตุการณ์นำส่งโรงพยาบาลท่าชนะไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อ คือ นายละออ รอดเกิด อายุ 73 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ นายสามารถ จันทร์ยัง อายุ 68 ปี เพื่อนบ้าน และ นายสายัณห์ รอดเกิด อายุ 40 น้องชาย นายละออ ทั้ง 3 รายถูกสะเกิดระเบิด บาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนั้นยังพบว่ามีสะเก็ดระเบิดกระจายไปถูกรถยนต์ที่จอดอยู่กระจกแตกได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นพื้นที่และประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.41 และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจสอบ

จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสุรพงศ์ ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าวด้วยรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ขง 3051 สุราษฎร์ธานี มาพบ น.ส.กัลย์อรภัสร์ (สงวนนามสกุล) แฟนสาว ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว หลัง น.ส.กัลย์อรภัสร์ ขอเลิกแล้วกลับมาอยู่ที่บ้าน เพื่อขอคืนดี ระหว่างที่มีการงอนง้อกันปรากฏว่า นายสุรพงศ์ ได้บันดาลโทสะทำร้ายร่างกาย น.ส.กัลย์อรภัสร์ ผู้บาดเจ็บ จึงได้เข้ามาห้ามปราม แต่โดยไม่มีใครคาดคิด นายสุรพงศ์ ได้วิ่งกลับไปที่รถยนต์ และนำระเบิดชนิดขว้าง ออกมาจากในรถแล้วโยนไปที่ น.ส.กัลย์อรภัสร์ ซึ่งยืนอยู่กับญาติๆ อีก 3 คน แต่ระเบิดไม่ทำงาน กลุ่ม น.ส.กัลย์อรภัสร์ ต่างพากันวิ่งหนี โดย น.ส.กัลย์อรภัสร์ ได้วิ่งหนีเข้าไปในบ้าน และเป็นจังหวะเดียวกับที่นายสุรพงศ์ เดินเข้าไปที่ระเบิดและหยิบขึ้นมาเพื่อขว้าง น.ส.กัลย์อรภัสร์ แต่ระเบิดเกิดทำงาน และระเบิดใส่นายสุรพงศ์ เสียชีวิตดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ นางรัญจวน พิมดี อายุ 58 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เล่าว่า ลูกชาย มีอาชีพเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บ้าน และได้คบหากับผู้หญิงคนนี้มาเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ต่อมาทราบว่าเลิกคบหากัน และลูกชายได้พยายามติดตามของ้อคืนดี จนก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ตนไม่เห็นลูกชายจึงได้โทรศัพท์หา ลูกชายแจ้งว่าเจอตัวผู้หญิงคนนี้แล้ว และได้มาเช่าห้องพักอยู่ใกล้ๆ ที่เกิดเหตุ โดยไม่คิดว่าลูกชายจะมาก่อเหตุดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.พงษ์ขจร ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน เร่งสืบสวนขยายผลเพื่อหาที่มาของระเบิดชนิดขว้างที่ นายสุรพงศ์ ใช้ก่อเหตุ รวมทั้งสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติด หลังตรวจสอบรถยนต์ของนายสุรพงศ์ พบไอซ์ น้ำหนักกว่า 500 กรัมซุกซ่อนอยู่.